นายสเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกยูเอ็นกล่าวในการแถลงข่าวว่า "สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) ระบุว่าสหประชาชาติและพันธมิตร กำลังเพิ่มความพยายามเข้าถึงความจำเป็นของผู้ที่ต้องย้ายที่อยู่หลายพันคนในเขตดาฮุก ประเทศอิรัก"
นายดูจาร์ริกเสริมว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) กำลังร่วมมือกับรัฐบาลเคิร์ดประจำภูมิภาค เพื่อจัดหาที่พักในแคมป์ให้ประชาชนอย่างน้อย 60,000 คน
ขณะเดียวกัน โครงการอาหารโลก (WFP) และพันธมิตรในท้องถิ่นได้เพิ่มจำนวนสถานที่แจกจ่ายอาหารทั่วเมืองดาฮุกขึ้นเป็นสองเท่า และในตอนนี้ WFP ช่วยจัดหาอาหารจำนวน 2.5 ล้านมื้อแล้ว
โฆษกยูเอ็นระบุว่า สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในเมืองอเมียร์ลี ซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มรัฐอิสลามอิรักและเลแวนต์ (ISIL) ในทางเหนือของอิรัก ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีรายงานว่าประชาชนประมาณ 15,000 - 20,000 คน ยังอยู่ภายในเมืองอเมียร์ลี โดยส่วนใหญ่เป็นชาวเติร์กนิกายชีอะห์ นอกจากนี้ มีรายงานการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง รวมถึงการขาดพลังงานและเชื้อเพลิงที่ส่งผลต่อปริมาณน้ำ
รัฐบาลอิรักได้ร้องขอความช่วยเหลือจากคณะทำงานด้านความช่วยเหลือของยูเอ็นในอิรัก (UNAMI) ในการยุติการปิดล้อมเมืองอเมียร์ลี และจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่พื้นที่ ขณะที่ยูเอ็นกำลังหาหนทางส่งอาหารเข้าไปในบริเวณดังกล่าว แต่ความไม่ปลอดภัยในพื้นที่ส่งผลต่อการประเมินสถานการณ์และการส่งความช่วยเหลือ
ด้านกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) เปิดเผยว่า องค์กรความช่วยเหลือต่างๆ กำลังดำเนินการปรับปรุงสภาวะแวดล้อม สำหรับผู้ลี้ภัยชาวอิรักที่มาถึงซีเรีย โดยเด็กหลายพันคนในกลุ่มผู้อพยพชาวอิรักประมาณ 12,000 คน กำลังพักพิงอยู่ที่แคมป์ในซีเรีย หลังข้ามเขตพรมแดนระหว่างสองประเทศ
"UNICEF ได้ส่งยาเม็ดสำหรับฆ่าเชื้อโรคในน้ำจำนวนมากกว่า 3,000 เม็ด พร้อมด้วยอุปกรณ์ในการดำรงชีวิตไปที่แคมป์นาวูซในซีเรีย" นายดูจาร์ริกกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน