สำนักข่าว IRNA รายงานคำกล่าวของนายคาเมเนว่า "อิหร่านครอบครองแหล่งก๊าซ และน้ำมันมากที่สุดในโลก ขณะที่ทั่วโลก และยุโรปต่างขาดแคลนทรัพยากรเหล่านี้ อิหร่านจึงสามารถคว่ำบาตรทั่วโลกได้หากจำเป็นจริงๆ"
ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวว่า ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีการคว่ำบาตรดังกล่าวเพื่อขัดขวางแผนการของอิหร่าน และแม้ว่าแนวทางการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์จะเป็นไปตามความต้องการของฝ่ายชาติตะวันตก แต่ประเทศเหล่านี้กลับยังไม่ยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน เห็นได้ว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับรากฐานการปฏิวัติอิสลาม
นายคาเมเน ระบุว่า "เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว" ของอิหร่านเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะต้านทานการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก และแรงกดดันได้ ไม่เช่นนั้น ฝ่ายตรงข้ามจะหาโอกาสเพิ่มเงื่อนไขในการเจรจานิวเคลียร์อีก
เขาย้ำว่า เศรษฐกิจของอิหร่านควรลดการพึ่งพายอดขายน้ำมัน และหันไปพึ่งพากำลังการผลิตภายในประเทศ และศักยภาพของประชากรวัยหนุ่มสาวแทน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของอิหร่านพึ่งพาการส่งออกน้ำมันเพียงบางส่วนเท่านั้น ปัจจุบัน ปริมาณการส่งน้ำมันดิบของอิหร่านร่วงลง 60% และยอดส่งออกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนัก และชาติตะวันตกต่างพากันคว่ำบาตรภาคอุตสาหกรรมพลังงาน และการเงินของอิหร่าน