นายเนทันยาฮูกล่าวกับประธานาธิบดีโอบามาว่า กรอบข้อตกลงนิวเคลียร์เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่ออิสราเอล ต่อภูมิภาค และประเทศทั่วโลก
"ข้อตกลงตามกรอบนี้จะส่งผลคุกคามการอยู่รอดของอิสราเอล" นายเนทันยาฮูกล่าว พร้อมกับกล่าวว่า ข้อตกลงนี้จะทำให้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านกลายมีความชอบธรรมตามถูกกฎหมาย ซึ่งจะช่วยหนุนเศรษฐกิจอิหร่าน อีกทั้งจะเพิ่มความแข็งกร้าวให้กับอิหร่าน และจะทำให้เกิดเหตุก่อการร้ายทั่วทั้งตะวันออกกลางและภูมิภาคอื่นๆ
"ข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ปิดกั้นอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่กลับจะเป็นการปูทางให้อิหร่านใช้สิ่งนั้น" นายเนทันยาฮูกล่าว
การแสดงความเห็นของนายเนทันยาฮูมีขึ้นหลังจากอิหร่านและกลุ่มประเทศ P5+1 ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐ ฝรั่งเศส อังกฤษ รัสเซีย จีน และเยอรมนี ได้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ โดยอิหร่านตกลงที่จะลดจำนวนเครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ (centrifuge) ที่ติดตั้งไว้ ให้เหลือเพียง 6,104 ตัว จากจำนวนประมาณ 19,000 ตัว อีกทั้งจะระงับการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมซึ่งสูงกว่า 3.67% เป็นเวลาอย่างน้อย 15 ปี และลดปริมาณสต็อกยูเรเนียมสมรรถนะต่ำ (low-enriched uranium) จากประมาณ 10,000 กิโลกรัม ให้เหลือ 300 กิโลกรัมในช่วง 15 ปี
ข้อตกลงยังระบุด้วยว่า อิหร่านอนุญาตให้สำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) เข้าตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านทั้งหมดได้ตามปกติ และตกลงที่จะทำการออกแบบและสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำมวลหนัก (heavy water reactor) ใหม่อีกรอบในเมืองอารัก ซึ่งเครื่องปฏิกรณ์ที่ได้รับการออกแบบใหม่นี้ จะไม่ผลิตพลูโตเนียมชนิดผลิตอาวุธ (weapons-grade plutonium)
นอกจากนี้ กรอบข้อตกลงยังให้เวลาอิหร่านในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมหรือพลูโตเนียมชนิดผลิตอาวุธจนเพียงพอ โดยระยะเวลาดังกล่าวยืดออกไปอย่างน้อย 1 ปีจากที่คาดการณ์ไว้ 2-3 เดือนในตอนนี้ ในระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี