ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดของกรีซได้ปฏิเสธคำร้องของประชาชน 2 คน รวมถึงนายสปายริดอน นิโคลาอู ที่กล่าวในคำฟ้องว่า "การทำประชามติถือเป็นโมฆะ เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดไว้ว่า การทำประชามติจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางเศรษฐกิจ"
รัฐบาลกรีซจะจัดการลงประชามติในวันอาทิตย์ที่ 5 ก.ค.นี้ เพื่อให้ประชาชนชี้ขาดว่าจะยอมรับเงื่อนไขในมาตรการรัดเข็มขัดจากทางเจ้าหนี้หรือไม่ ขณะที่ผลการสำรวจล่าสุดของสถาบัน ALCO พบว่า ชาวกรีซจำนวน 44.8% จะลงคะแนนเสียง 'Yes' เห็นชอบต่อมาตรการรัดเข็มขัดในข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินของเจ้าหนี้ในวันอาทิตย์นี้ ขณะที่ 43.4% จะลงคะแนนเสียง 'No' คัดค้านมาตรการดังกล่าว ส่วน 11.8% ระบุว่ายังไม่ได้ตัดสินใจ
ด้านนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าผลการลงประชามติในวันอาทิตย์นี้จะออกมาเช่นไร รัฐบาลกรีซก็จะสามารถทำข้อตกลงกับเจ้าหนี้ได้ภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากการลงประชามติแล้วเสร็จ โดยนายซิปราสยังคงแสดงจุดยืนที่ว่า การถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซนไม่ใช่ทางเลือกของรัฐบาลของเขา และกล่าวว่า ความยากลำบากที่ชาวกรีซกำลังเผขิญอยู่นั้น จะสิ้นสุดลงในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ นายซิปราสยังได้ปฏิเสธเสียงวิพากษณ์วิจารย์ที่ว่า การริเริ่มจัดทำประชามติเป็นชนวนเหตุที่นำไปสู่การปิดธนาคารและการใช้มาตรการควบคุมเงินทุนนับตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา โดยนายซิปราสได้ตำหนิยูโรกรุ๊ปที่ปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัฐบาลกรีซที่ต้องการให้ขยายเวลาการชำระหนี้เมื่อวันอังคารที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้กรีซผิดนัดชำระหนี้ต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)