นายโคเมย์กล่าวให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า แม้ว่ากองทัพสหรัฐสามารถปราบกลุ่มก่อการร้ายโคราชานซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์ได้ แต่ภัยคุกคามของสหรัฐที่ใหญ่กว่านั้นคือ IS
ผู้อำนวยการ FBI เปิดเผยสถานการณ์ในข้างต้น โดยหยิบยกการเสียชีวิตของ มูห์ซิน อัล ฟาดฮิล ผู้นำกลุ่มโคราชานเมื่อวันที่ 8 ก.ค. จากการโจมตีแบบเจาะจงเป้าหมายของกองทัพสหรัฐ ในขณะที่ผู้นำกลุ่มในเครืออัลกออิดะห์รายนี้เดินทางอยู่ในซีเรีย ทั้งนี้กลุ่มโคราชานได้ขู่และวงแผนก่อการร้ายเล็งโจมตีสหรัฐมานานแล้ว
นายโคเมย์ระบุว่า กลุ่ม IS เป็นภัยคุกคามที่รุนแรงยิ่งใหญ่ว่าอัลกออิดะห์ เนื่องจากกลุ่ม IS มีอิทธิพลต่อชาวอเมริกันจำนวนมาก และได้ว่าจ้างชาวอเมริจำนวนมากผ่านโซเชียมีเดีย ปัจจุบันทางการสหรัฐได้แกะรอยตามชาวอเมริกันหลายคนที่เดินทางไปซีเรียหรืออิรักเพื่อร่วมสู้รบกับกลุ่ม IS
"ภัยคุกคามของ IS มีลักษณะและระดับความรุนแรงที่หลากหลายกว่าอัลกออิดะห์ และแบบแผนการโจมตีก็มีความหลากหลายมาก ซึ่งนี่เป็นจุดแข็งของ IS ที่เรากังวลมากที่สุดที่ปัจจุบัน" นายโคเมย์กล่าว
นอกจากนี้ นายโคเมย์ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการสื่อสารแบบเข้ารหัสที่ IS ใช้ และ FBI ผ่านเข้าไปไม่ได้
ขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการ FBI เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนของสหรัฐยังไม่พบแรงจูงใจของนายโมฮัมหมัด อับดุลลาซิส ที่ก่อเหตุกราดยิงภายอาคาร 2 แห่งของกองทัพสหรัฐในเมืองชัททานูกา รัฐเทนเนสซีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้นาวิกโยธินสหรัฐเสียชีวิต 4 ราย ขณะที่มือปืนถูกยิงเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีนาวิกโยธินอีกรายหนึ่งเสียชีวิตในเวลาต่อมาเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว
เหตุการณ์ในครั้งนี้ก่อให้เกิดความกังวลยิ่งขึ้นว่า การบุกเดี่ยวก่อเหตุโดยพลเมืองสหรัฐที่ฝักใฝ่ IS นั้น อาจตรวจพบและสกัดกั้นได้ยากในอนาคต สำนักข่าวซินหัวรายงาน