การกระทำดังกล่าวของสหรัฐนั้นสั่นคลอนสายสัมพันธ์ของจีนและไต้หวันที่มีมายาวนานนับศตวรรษอย่างไม่ต้องสงสัย
จีนและไต้หวันมีความสัมพันธ์อย่างจริงใจ มีการให้คำปรึกษา และมีปฏิสัมพันธ์ทางการเมือง รวมถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำทั้งสองประเทศเป็นไปในทางที่ดีเรื่อยมานับตั้งแต่พ.ศ. 2492 ที่ไต้หวันแยกตัวจากจีน จนกระทั่งถึงการพบกันครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างนายหม่า หยิงโจว ประธานาธิบดีไต้หวัน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์ เมื่อเดือนที่แล้ว
การที่สหรัฐขายอาวุธให้กับไต้หวันในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐต้องการแทรกแซงความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบสันติภาพ เสถียรภาพ และความรุ่งเรืองของทั้งภูมิภาค ขณะเดียวกันยังส่งผลกระทบต่อความตึงเครียดระหว่างสองชาติมหาอำนาจด้วย เพราะหากสหรัฐไม่ยื่นมือเข้ามา ความสัมพันธ์ของจีนและสหรัฐในปีนี้จะเป็นไปอย่างมั่นคง
เมื่อไม่นานมานี้ จีนและสหรัฐเพิ่งสามารถยุติความขัดแย้งเรื่องการรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ โดยการประชุมเจรจาระดับรัฐมนตรีครั้งแรกในประเด็นการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ ณ กรุงวอชิงตัน ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา รวมถึงความสำเร็จในการเยือนสหรัฐของประธานาธิดี สี จิ้นผิง เมื่อเดือนกันยายน ซึ่งมีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ที่จะสร้างความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ระหว่างกัน อีกทั้งยังต่างให้ความร่วมมือต่อข้อสรุปการประชุมเรื่องสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติที่กรุงปารีสเป็นอย่างดีอีกด้วย
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณด้านบวกระหว่างความสัมพันธ์ของสองมหาอำนาจ จนกระทั่งสหรัฐตัดสินใจเดินหน้าขายอาวุธให้แก่ไต้หวัน จากแนวคิดที่ว่าจะนำไปใช้ในการป้องกันประเทศจากการคุกคามทางทหารของจีน ทว่าแท้จริงแล้วสหรัฐจงใจละเลยต่อท่าทีอันเปิดเผยของจีนที่มีต่อประเด็นดังกล่าว ซึ่งรวมถึงกรณีที่จีนต้องการรวมไต้หวันเข้าเป็นดินแดนเดียวกันอย่างสันติ และไม่เคยใช้กำลังต่อต้านไต้หวัน รวมทั้งไม่เคยประกาศให้ไต้หวันเป็นอิสระหรือแยกออกจากจีน
การเดินหน้าขายอาวุธให้แก่ไต้หวันนี้ถือว่าสหรัฐละเมิดสัญญาที่เคยทำไว้กับจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉบับที่ลงนามเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2525 ซึ่งระบุว่าจะค่อยๆลดปริมาณการขายอาวุธให้แก่ไต้หวันลงเรื่อยๆ
ทั้งนี้ นับว่าสหรัฐกำลังยั่วยุจีนด้วยการเข้าแทรกแซงกิจการภายใน และสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ทว่าสหรัฐควรตระหนักไว้ด่วยว่าจีนมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของตนในระยะยาว สหรัฐอเมริกาอาจต้องรับบทเรียนในการเคลื่อนไหวต่อต้านจีนในครั้งนี้ และจีนจะนิ่งเฉยต่อประเด็นดังกล่าวอย่างแน่นอน
บทวิเคราะห์โดย Zhi Linfei จากสำนักข่าวซินหัว