ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐได้ตอบคำถามจำนวนมากนับตั้งแต่ประเด็นการต่อต้านการก่อการร้ายไปจนถึงการควบคุมอาวุธปืนในระหว่างการประชุมที่ศาลาประชาคมของเมือง แต่ประเด็นเศรษฐกิจกลับไม่มีการหยิกยกขึ้นมาอภิปราย
นี่เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 หรือ 8 ปีก่อน เมื่อเศรษฐกิจเป็นประเด็นสำคัญในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ท่ามกลางวิกฤตการเงินที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
8 ปีต่อมา อัตราว่างงานของสหรัฐได้ลดลงมาอยู่ที่ 4.9% ซึ่งไม่ถึงครึ่งหนึ่งของระดับสูงสุดของช่วงที่เกิดวิกฤต ขณะที่ผลผลิตทางเศรษฐกิจขยายตัว 2.4% ในปี 2558 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมอื่นๆ
ภายหลังการเปิดเผยข้อมูลจ้างงานเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ฉวยโอกาสนี้ในการโน้มน้าวว่า ในขณะนี้สหรัฐอยู่ในช่วงที่แข็งแกร่งที่สุดและมีเศรษฐกิจที่มั่นคงมากที่สุดในโลก
ด้านนายโจเซฟ แก็กนอน แห่งสถาบันเศรษฐกิจระหว่างประเทศปีเตอร์สันในวอชิงตันกล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐมีการปรับตัวอย่างน่าพอใจ แม้ว่าไม่ได้โดดเด่นมากนัก" พร้อมกับเสริมว่า "นั่นนับว่าดีพอที่รีพับลีกันจะไม่มีเป้าโจมตี แต่ก็ไม่ได้ดีมากพอที่เดโมแครตจะนำมาคุยโวได้"
เท็ด ลัสซีย์ ซึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองฮัดสันในรัฐนิวแฮมป์เชียร์มาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว กล่าวว่า เขาไม่ได้มีชีวิตที่ง่ายขึ้นแม้ว่าตัวเลขการจ้างงานปรับตัวดีขึ้น
"ลูกสาวของผมจบปริญญาด้านธุรกิจ แต่ต้องทำงานถึง 3 อย่างเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ในชนชั้นกลางระดับล่าง ผมก็มีปริญญาเช่นเดียวกับเธอ แต่ผมมีชีวิตที่ง่ายกว่านี้มากตอนมีอายุเท่าเธอ" เขากล่าว
มาร์ตี เอลล์สเวิร์ธ ซึ่งเกิดและเติบโตในเขตจอร์จทาวน์ของวอชิงตัน ดีซี เป็นพนักงานขายแบบพาร์ทไทม์ของร้านเสื้อผ้า Ralph Lauren ที่อยู่ใกล้กับบ้านพัก
เอลล์สเวิร์ธกล่าวว่า "มีงานที่หาทำได้ง่ายหลายงาน เช่น พนักงานเสิร์ฟและบาร์เทนเดอร์ แต่งานที่จ่ายค่าตอบแทนสูงจะหายากมากหากไม่ได้จบปริญญา"
เมื่อตลาดแรงงานดูเหมือนใกล้ระดับที่มี "การจ้างงานอย่างเต็มที่" นั่นอาจจะบ่งชี้ถึงการจ้างงานที่สูงขึ้นและเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นน
อย่างไรก็ดี เป็นระยะเวลาหลายปีมาแล้วที่มนุษย์เงินเดือนของสหรัฐแทบไม่ได้เห็นการขยายตัวของรายได้ ขณะที่เงินเฟ้อค่อนข้างต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นักเศรษฐศาสตร์ของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส กล่าวว่า เมื่อพิจารณาถึงมาตรวัดการว่างงานที่กว้างขึ้นซึ่งมีชื่อเรียกว่า U-6 ที่รวมไปถึงตัวเลขว่างงานอย่างเป็นทางการ แรงงานที่ไม่มีความสุข และพนักงานพาร์ทไทม์ที่อยากได้งานประจำ อัตราว่างงานในปัจจุบันจะอยู่ที่ 9.9%
เบอร์นี แซนเดอร์ส ผู้สมัครจากพรรเดโมแครตแสดงความเห็นด้วยว่า อัตราว่างงานที่แท้จริงสำหรับชาวอเมริกันอยู่ที่สูงกว่า 10% หากมีการพิจารณาว่าผู้ที่ถูกบีบให้ต้องทำงานพาร์ทไทม์นั้นเป็นผู้ว่างงาน
ในการแก้ปัญหาค่าจ้างทรงตัวและตลาดแรงงานที่มีการนำมาใช้ประโยชน์ต่ำเกินไป บรรดาผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตได้เสนอให้ปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำและลดภาษีให้กับแรงงานชนชั้นกลาง
ทางด้านผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันให้คำมั่นที่จะปรับปรุงข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศและนำระบบการจ้างงานแบบเอาท์ซอร์สกลับมาใช้ในอเมริกา อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ระบุถึงแผนในรายละเอียด มีแต่เพียงร่างคร่าวๆและสโลแกนชวนเชื่อ
แบร์รี บอสเวิร์ธ นักวิจัยของสถาบันบรูคกิงส์ ซึ่งเป็นอีกสถาบันวิชาการในวอชิงตันดีซีกล่าวว่า อาจจะต้องใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่าที่จะมีข้อเสนอที่แท้จริงด้านเศรษฐกิจ
"ไม่มีพรรคไหนมีแนวทางที่ยอดเยี่ยมในการที่จะรับมือกับประเด็นการจ้างงานและการขยายตัวด้านรายได้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความวิตกที่สำคัญในด้านเศรษฐกิจของบรรดาผู้มีสิทธิออกเสียง" เขากล่าว
หากค่าจ้างยังไม่ขยับขึ้น นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าผู้มีสิทธิออกเสียงที่ได้รับแรงบันดาลใจที่จะได้ขยับขึ้นเป็นชนชั้นกลางอาจจะออกเสียงสนับสนุนผู้สมัครที่มีแผนเพิ่มรายได้ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด
ในช่วงหลายวันก่อนที่การเลือกตั้งเบื้องต้นในนิวแฮมป์เชียร์จะเปิดฉากขึ้น นักเศรษฐศาสตร์ของเจพี มอร์แกนได้กล่าวเตือนว่า ความเสี่ยงจะเข้าสู่ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าภาพรวมที่รัฐบาลกลางระบุไว้จะมีความสดใส
นักเศรษฐศาสตร์ของเจพี มอร์แกนกล่าวว่า ศักยภาพในการผลิตด้านแรงงานที่หยุดชะงักลง ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง และดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ต่างก็ฉุดศักยภาพในการทำกำไรของภาคเอกชน ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความเป็นไปได้มากขึ้นที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงหลายไตรมาสข้างหน้า
ทั้งนี้ วาณิชธนกิจรายอื่นๆได้เตือนอย่างจริงจังมากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอย
กีเดียน ดังค์ลีย์ อดีตบุคลากรมหาวิทยาลัยที่เกษียณพร้อมเงินบำนาญก้อนโตกล่าวว่า เขาเชื่อว่า โดนัลด์ ทรัมป์ คือผู้สมัครที่ดีที่สุดในการดูแลเศรษฐกิจ
"เขาเป็นนักธุรกิจและรู้ดีว่าเศรษฐกิจทำงานอย่างไร แต่ในการดูแลเศรษฐกิจสหรัฐ เขาจำเป็นต้องทำงานร่วมกับทั้งสองพรรค และดูเหมือนว่าเขาจะไม่เก่งในเรื่องนี้" เขากล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน