นายเบน โร๊ดส์ ผู้ช่วยที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีโอบามา เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีสหรัฐจะส่ง "สัญญาณเอาจริง" ต่อจีน ซึ่งได้พูดเป็นนัยว่าจีนเป็นผู้ก่อปัญหาที่คอยระรานประเทศเพื่อนบ้านที่มีขนาดเล็กกว่าในประเด็นทะเลจีนใต้
การประชุมสุดยอดที่จัดขึ้นที่สถานตากอากาศซันนีแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งได้มีการประกาศไว้ว่า การประชุมเป็นโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายสามารถเข้ามาระดมความคิดเพื่อกระชับความสัมพันธ์ อาจกลายเป็นอุบายของสหรัฐเพื่อใช้อาเซียนถ่วงอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้ก็เป็นได้
นอกจากนี้ การที่สหรัฐได้เรียกร้องให้หลีกเลี่ยงการปฏิบัติการทางทหารที่ไม่จำเป็นในทะเลจีนใต้ยังเป็นสถานการณฺ์ที่ย้อนแย้ง เนื่องจากเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา สหรัฐได้ส่งเรือพิฆาตสกัดขีปนาวุธห่างจากเกาะๆหนึ่งของจีนในทะเลจีนใต้เป็นระยะทาง 12 ไมล์ทะเล ซึ่งมีจุดประสงค์ชัดเจนเพื่อขัดขวางจีน ด้วยการขยายอิทธิพลของประเทศ
นอกจากนี้ สหรัฐยังชักจูงให้ประเทศที่มีข้อพิพาทกับจีนเข้าร่วมการดำเนินการเพื่อยั่วยุทางทหาร และทำให้ข้อพิพาทกระจายวงกว้างยิ่งขึ้นในระดับสากล
และที่ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าสหรัฐไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นพิพาทในทะเลจีนใต้ แต่นายแฮร์รี แฮร์ริส ผู้บังคับบัญชากองเรือยูเอส แปซิฟิค ได้ประกาศต่อสาธารณชนว่า สหรัฐจะยังคงเดินหน้าท้าทายจีนในประเด็นดังกล่าวต่อไป ภายใต้จุดยืนที่ว่า "หมู่เกาะเหล่านั้นไม่ได้เป็นของจีน"
ในส่วนของจีนนั้นแตกต่างไปจากแผนการของสหรัฐอย่างสิ้นเชิง โดยจีนได้มีการส่งเสริมความมั่นคงและความก้าวหน้าในภูมิภาค ดังจะเห็นได้จากการจัดตั้งโครงการ "Belt and Road" และธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB)
จีนซึ่งเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการเดินเรืออย่างเป็นอิสระในทะเลจีนใต้ มีความพร้อมอยู่เสมอในการส่งเสริมระเบียบวินัย และมีส่วนร่วมในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพลเรือนในน่านน้ำดังกล่าวเพื่อก่อให้เกิดการเดินเรือเสรี
จีนมีจุดยืนอย่างแน่วแน่ว่า ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้จะแก้ปัญหาได้ด้วยการเจรจาและการปรึกษาหารือโดยตรงระหว่างจีนกับประเทศที่เกี่ยวข้อง
สำหรับประเด็นทะเลจีนใต้แล้ว สหรัฐควรตระหนักว่าจีนจะไม่มีวันเพิกเฉยต่อการกระทำใดๆที่คัดค้านอำนาจอธิปไตยของจีน การดูหมิ่นแนวทางการปกป้องผลประโยชน์หลักของจีนจะกลายเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวง
สหรัฐอเมริกาจะไม่มีวันเป็นกระบอกเสียงให้กับองค์การอิสระอย่างอาเซียนไม่ว่าจะในประเด็นใดๆ ขณะนี้ถึงเวลาสมควรแล้วที่ชาติสมาชิกอาเซียนควรตระหนักและถอยตัวออกห่างจากการแทรกแซงของสหรัฐ สำนักข่าวซินหัวรายงาน
จู ตงหยาง นักเขียนของสำนักข่าวซินหัว