ข่าวประชาสัมพันธ์ออนไลน์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า "ลาฟรอฟเสนอให้สหรัฐยุติการรณรงค์ต่อต้านรัสเซียโดยสื่อตะวันตก ซึ่งไม่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมในพื้นที่สื่อ"
ด้านนางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ตอกกลับข้อคิดเห็นของนายแอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐที่ว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแสดงออกในการกดดันรัสเซีย และรวมรัสเซียเป็นส่วนหนึ่งของยุโรป
"วิธีการดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของตรรกะการวิจารณ์รัสเซียอย่างไม่เป็นธรรม ความพยายามที่จะกล่าวหารัสเซียอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีมูลความจริงนี้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐเป็นปฏิปักษ์ต่อรัสเซียอย่างมิอาจยอมรับได้" นางซาคาโรวา กล่าว
ทั้งนี้ นายลาฟรอฟและนายแคร์รี ได้หารือในประเด็นต่างประเทศหลายเรื่องผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์
ทั้ง 2 ฝ่ายให้ความสำคัญกับการเพิ่มการประสานงานทางทหารเพื่อสนับสนุนการหยุดยิงในซีเรีย รวมถึงสร้างความมั่นใจในการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนในพื้นที่ที่ถูกปิดล้อม
นอกจากนี้ทั้ง 2 ประเทศยังคาดหวังว่า การเจรจาเรื่องภายในของซีเรีย ณ กรุงเจนีวา ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 มี.ค. นี้ จะสอดคล้องกับความต้องการของทุกฝ่าย รวมถึงตอบโจทย์ความมั่นใจด้านผลประโยชน์ของกลุ่มศาสนาและชนกลุ่มน้อยทุกกลุ่ม
ลาฟรอฟและแคร์รียังได้กล่าวถึงความขัดแย้งในเยเมนด้วย ซึ่งการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงที่กรุงมินสค์ จะช่วยเยียวยาวิกฤตในยูเครน เช่นเดียวกับประเด็นความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี
ในฐานะประเทศหลักของกลุ่มที่ให้การสนับสนุนซีเรีย รัสเซียและสหรัฐได้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงในซีเรียเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลตอนเที่ยงคืนของวันที่ 26 ก.พ. และได้รับการยอมรับจากรัฐบาลซีเรียรวมถึงฝ่ายตรงข้ามด้วย
ทั้งนี้ รัสเซียและสหรัฐต่างก็มีการพูดคุยเกี่ยวสถานการณ์ในซีเรียเพื่อติดตามสถานการณ์การหยุดยิงดังกล่าว รวมถึงช่วยผลักดันให้สามารถหาข้อยุติทางการเมืองในประเทศที่เสียหายจากสงครามอย่างเป็นรูปธรรมมาโดยตลอด