อดีตประธานาธิบดีดิลมา รุสเซฟออกแถลงการณ์ต่อชาวบราซิลทั่วประเทศ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่วุฒิสภาบราซิลมีมติอนุมัติให้ดำเนินการไต่สวนเพื่อถอดถอนนางรุสเซฟออกจากตำแหน่งด้วยคะแนนเสียง 55-22 หลังการประชุมยืดเยื้อกว่า 20 ชั่วโมง
ทางด้านกลุ่มผู้สนับสนุนนางรุสเซฟขู่ที่จะลุกฮือผละงานทั่วประเทศ เพื่อประท้วงมติของวุฒิสภา
มติดังกล่าวส่งผลให้นางรุสเซฟถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีเป็นเวลา 6 เดือน ระหว่างที่ศาลดำเนินการพิจารณาคดี โดยเขาเป็นประธานาธิบดีบราซิลคนแรกที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่งในรอบกว่า 20 ปี ขณะที่นายมิเชล เทเมอร์ รองประธานาธิบดี จะเข้ารับตำแหน่งแทนนางรุสเซฟ
ทั้งนี้ นางรุสเซฟถูกกล่าวหาว่าทำการปิดบังการขาดดุลงบประมาณจำนวนมาก โดยใช้วิธีการตกแต่งตัวเลขทางบัญชี
นางรุสเซฟกล่าวในแถลงการณ์ว่า ตนจะยังคงต่อสู้ต่อไป และตัดพ้อว่า ถึงแม้ตนผ่านความเจ็บปวดจากการเป็นมะเร็งก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่มีความเจ็บปวดใดที่หนักหนากว่าความอยุติธรรมที่ตนได้รับจากการถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง
"ดิฉันอาจจะทำความผิดพลาด แต่ดิฉันก็ไม่เคยก่ออาชญากรรม" นางรุสเซฟกล่าว
"นี่เป็นสิ่งที่โหดร้ายที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งได้ประสบมา คือการที่ถูกตัดสินว่าได้ก่ออาชญากรรมในสิ่งที่คุณไม่ได้ทำ" เขากล่าว
นางรุสเซฟยังกล่าวว่า การดำเนินการของรัฐสภาบราซิล เทียบเท่ากับการก่อรัฐประหาร ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนนางรุสเซฟขู่ผละงานประท้วงทั่วประเทศ