ในขณะที่นางฮิลลารี คลินตันมีแนวโน้มว่าจะได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐนั้น สิ่งหนึ่งที่ยังคงท้าทายเธออยู่ในขณะนี้คงหนีไม่พ้นคู่แข่งอย่างนายเบอร์นี แซนเดอร์ส ผู้ลงแข่งขันชิงตำแหน่งตัวแทนของพรรคอีกคนหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดคำถามตามมาว่า นางฮิลลารีจะทำอย่างไรเพื่อคว้าเก้าอี้ตำแหน่งประธานาธิบดีได้ หากได้รับเลือกเป็นตัวแทนของพรรค
ล่าสุดนางฮิลลารีได้พ่ายแพ้ต่อนายแซนเดอร์สอีกครั้งในการหยั่งเสียงขั้นต้นชิงตัวแทนพรรคในรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย รัฐที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางผิวขาว โดยจนถึงขณะนี้นางคลินตันต้องดิ้นรนต่อสู้อย่างมากเพื่อที่จะได้เป็นตัวแทนของพรรคหลังจากพ่ายแพ้ให้กับนายแซนเดอร์สไปแล้วในหลายรัฐ
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นายแซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกจากรัฐเวอร์มอนต์ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มเจนวาย หรือกลุ่มคนที่เกิดในช่วงปี 2523-2540 เนื่องจากเป็นกลุ่มคนที่ยังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2551 และเบื่อหน่ายการทำงานของนักการเมืองในวอชิงตันที่ดูเหมือนไม่ได้ให้การช่วยเหลือพวกเขาแต่อย่างใด
ดาร์เรลล์ เวสต์ นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยบรู๊คกิ้งส์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า "ฮิลลารีกำลังเผชิญความยากลำบากในการต่อสู่กับแซนเดอร์ส ในขณะที่หนทางของแซนเดอร์สกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สนับสนุนที่เป็นชนผิวขาวและกลุ่มคนวัยหนุ่มสาว"
นักวิชาการณ์ยังมองว่า การพ่ายแพ้ต่อแซนเดอร์สยังตอกย้ำให้เห็นถึงจุดอ่อนในฐานะผู้ลงสมัครของฮิลลารี และตั้งข้อสังเกตว่า หากฮิลลารียังไม่สามารถเอาชนะแซนเดอร์สได้อย่างเป็นเอกฉันท์แล้ว เธอจะสามารถเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ตัวแทนจากฝั่งพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งทั่วไปได้อย่างไร
จูเลียน เซลิเซอ ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์และกิจกรรมสาธารณะ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า "การเลือกตั้งทั่วไปนับเป็นสิ่งท้าทายสำหรับตำแหน่งตัวแทนพรรคของฮิลลารี"
เซลิเซอยังกล่าวด้วยว่า สิ่งที่น่ากังวลสำหรับคลินตันคือฐานเสียงของเธอนั้นมีมากน้อยเพียงใดในกลุ่มผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงที่เป็นชนชั้นกลางผิวขาวรัฐต่าง เช่นเพนซิลวาเนีย, เวสต์เวอจิเนียและมิชิแกน เนื่องจากทรัมป์ดูเหมือนจะมีโอกาสมากกว่าในรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของทั้งสองพรรค
อย่างไรก็ตาม เซลิเซอยังมองว่า ณ ปัจจุบันยังไม่สามารถตัดสินได้ว่ากลุ่มชนชั้นทำงานที่เป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครตจะเปลี่ยนใจเทคะแนนให้กับทรัมป์หรือไม่
เซลิเซอกล่าวว่า "สถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่สามารถตัดสินได้ ถึงแม้ว่าทรัมป์จะเป็นที่ดึงดูดสายตาอยู่บ้างก็ตาม แต่การแบ่งฝั่งระหว่างสองพรรคยังคงไม่ชัดเจนและผู้สนับสนุนแซนเดอร์สหลายคนยังคงมีความคิดสวนทางกับพรรครีพับลิกัน" ในขณะเดียวกันดาร์เรลล์ เวสต์นั้นเชื่อว่า กลุ่มผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงที่เป็นชนผิวขาวและคนหนุ่มสาวจะเป็นเป้าหมายสำคัญที่คลินตันจะต้องชนะใจให้ได้เพื่อที่จะชนะการเลือกตั้งทั่วไป
เวสต์กล่าวว่า "ทรัมป์ได้เสนอนโยบายขึ้นเงินเดือนแก่กลุ่มคนผิวขาวที่มีอัตราเงินเดือนเท่าเดิมมานานกว่า 30 ปี ซึ่งฮิลลารีจำเป็นจะต้องอธิบายให้กลุ่มคนเหล่านั้นเห็นว่า นโยบายของเธอดีกว่าของทรัมป์อย่างไร"
"ในขณะนี้พวกเขาเหล่านั้นกำลังเคลือบแคลงในนโยบายของคลินตันซึ่งถือเป็นโอกาสดีของทรัมป์" เวสต์กล่าว
นอกจากนี้ เวสต์ยังเสริมว่า ทรัมป์ต้องการเปลี่ยนใจกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตและกลุ่มอิสระให้หันมาสนับสนุนตนเอง และเปลี่ยนรัฐอุตสาหกรรมอย่างโอไฮโอ, มิชิแกนและเพนซิลวาเนีย ให้กลายเป็นสนามแข่งขันของพรรครีพับลิกัน
และถึงแม้ว่าตามหลักแล้วผู้สนับสนุนพรรคต่างๆมีแนวโน้มจะลงคะแนนเสียงให้พรรคเดิมเหมือนที่ผ่านมา แต่การเลือกตั้งทั่วไปในครั้งนี้ ทรัมป์อาจได้แรงสนับสนุนจากสหภาพแรงงานที่มักจะเลือกพรรคเดโมแครตด้วย
ทั้งนี้ ทรัมป์มีความสัมพันธ์อันดีกับสหภาพแรงงาน เนื่องจากเขามักพูดเกี่ยวกับการฟื้นฟูภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้ทรัมป์ได้รับแรงสนับสนุนจากส่วนนี้ก็เป็นได้
เวสต์กล่าวว่า "สหภาพแรงงานอาจจะอยากเห็นรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการฟื้นฟูอาชีพในภาคการผลิตของสหรัฐที่จะทำให้สหรัฐมีความสามารถแข่งขันในระดับโลกมากขึ้น"
อย่างไรก็ตาม เซลิเซอยังคงมองว่า สหภาพแรงงานจะยังให้การสนับสนุนตัวแทนจากพรรคเดโมแครต โดยกล่าวว่า "พรรคเดโมแครตมีความเข้าใจในปัญหามากกว่า และเป็นเรื่องยากที่สหภาพจะเลือกทรัมป์เพียงเพราะทรัมป์มีนโยบายฟื้นฟูภาคการผลิต"
บทวิเคราะห์โดย แมทธิว รูซลิ่ง สำนักข่าวซินหัว