กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้ออกมาประณามกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ที่ก่อเหตุโจมตี "อย่างน่าสะเทือนขวัญ" ใน 2 เมืองแถบชายฝั่งของซีเรียซึ่งคร่าชีวิตพลเรือนไปกว่า 74 ราย
การโจมตีครั้งแรกเกิดขึ้นที่เมืองจาเบลห์ เมืองแถบชายฝั่งในจังหวัดลาตาเกียโดยกลุ่มรัฐอิสลามได้ก่อเหตุระเบิดเกิดขึ้นติดกันถึง 4 ครั้งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 45 ราย ต่อมากลุ่มรัฐอิสลามได้ก่อเหตุระเบิดขึ้นอีก 4 ครั้งในจังหวัดทาร์ทูสห่างจากศูนย์กลางราว 100 กม.
มาร์ค โทนเนอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวว่า "สหรัฐฯจะยังคงทำหน้าที่เป็นผู้นำในการนำมาซึ่งความร่วมมือระดับนานาชาติเพื่อยับยั้งและต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลามจนกว่าผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้จะไม่สามารถทำร้ายผู้อื่นที่ไม่ฝักใฝ่ในแนวความคิดของตนเองที่แสนโหดร้าย"
นอกจากนี้สหรัฐฯยังได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียหยุดการโจมตีในเมืองอเลปโปและเมืองดารายารวมถึงการยึดพื้นที่ในเมืองต่างๆและการกีดกันความช่วยเหลือด้านมนุษยชนอีกด้วย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวของรัฐบาลซีเรียเป็นการละเมิดข้อตกลงยุติความเป็นปรปักษ์และข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 2254 และยังถือเป็นความพยายามในการเพิ่มความขัดแย้งทางการเมืองรวมทั้งเป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวนความสะดวกและให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยชนที่รัฐบาลสมควรต้องทำ