ทรัมป์กล่าวผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า "ผมจะเข้าพบสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ ผู้ที่คอยให้การสนับสนุนผมมาตลอด เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการห้ามบุคคลเฝ้าระวังที่อาจเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือบุคคลที่ห้ามออกนอกประเทศซื้ออาวุธปืน" แต่ยังไม่ได้ระบุวันเวลาและสถานที่แน่ชัด
การประกาศของทรัมป์มีขึ้นหลังเหตุคนร้ายใช้ปืนไรเฟิลและปืนพกกราดยิงที่ไนท์คลับในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 49 คน บาดเจ็บอีกกว่า 53 คนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ด้านสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติซึ่งเป็นกลุ่มทรงอิทธิพลในการสนับสนุนไม่ให้ผ่านกฏหมายควบคุมอาวุธปืนนั้น ได้ออกมาตอบรับข้อความของทรัมป์ และยินดีพูดคุยด้วยแต่ยังยืนยันจุดยืนของกลุ่มในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอาวุธปืน
อย่างไรก็ตาม คริส ค็อกซ์ กรรมการบริหารของสถาบันด้านกฏหมายของสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติกล่าวว่า ทางสมาคมก็เห็นด้วยเช่นเดียวกันในประเด็นเกี่ยวกับการห้ามผู้ก่อการร้ายซื้อหรือมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า นายโอมาร์ มาทีน ผู้ก่อเหตุยิงกราดในเมืองออร์แลนโด้ เกิดในสหรัฐและเป็นบุตรชายของคู่สามีภรรยาชาวอัฟกันซึ่งอพยพเข้ามาอยู่ในสหรัฐ ได้ถูกทางการขึ้นบัญชีเป็นบุคคลเฝ้าระวังที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายนานกว่า 10 เดือน ก่อนที่ถูกถอนชื่อออกไปในเวลาต่อมา
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้จุดประเด็นเกี่ยวกับการเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมอาวุธปืนอีกครั้ง โดยฝั่งพรรคเดโมแครตได้ออกมาเรียกร้องไม่ให้ผู้ที่ถูกทางการจับตามองสามารถซื้ออาวุธปืนได้เช่นกัน
ท่ามกลางกระแสเรียกร้องทั่วประเทศให้เพิ่มมาตรการควบคุมปืนที่รัดกุมมากขึ้นนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์ครั้งนี้ได้ส่งสัญญาณให้เห็นถึงท่าทีและจุดยืนที่เปลี่ยนไปของทรัมป์ จากเดิมที่ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการออกกฏหมายควบคุมอาวุธปืน