สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลง 2 ขั้น สู่ระดับ "AA" จากระดับ "AAA" ก่อนหน้านี้ ขณะที่เตือนว่า อังกฤษอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือต่อไป หลังจากที่มีการลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในสัปดาห์ที่แล้ว
"ในความเห็นของเรา ผลการลงประชามติดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ และส่งผลให้กรอบนโยบายมีประสิทธิภาพต่ำลง และมีเสถียรภาพลดลง รวมทั้งคาดการณ์ได้น้อยลงภายในสหราชอาณาจักร" S&P ระบุในแถลงการณ์
นอกจากนี้ S&P ยังระบุว่า การลงประชามติดังกล่าวในสหราชอาณาจักรที่ปรากฎว่า สก็อตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือลงมติอยู่ต่อใน EU ได้สร้างปัญหาในด้านรัฐธรรมนูญของอังกฤษ
S&P เปิดเผยว่า แนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษที่อยู่ใน "เชิงลบ" สะท้อนถึงความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ, สถานะการคลัง และบทบาทของปอนด์ในฐานะสกุลเงินในทุนสำรอง รวมทั้งความเสี่ยงต่อความเป็นเอกภาพทางเศรษฐกิจและด้านรัฐธรรมนูญของสหราชอาณาจักร หากมีการจัดประชามติในการแยกตัวของสก็อตแลนด์ออกจากสหราชอาณาจักร
S&P ระบุเตือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า อันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ "AAA" ไม่สอดคล้องกับอังกฤษอีกต่อไป หลังจากที่มีการลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรป
"เราคิดว่าอันดับ AAA ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน" นายมอริทซ์ เครเมอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดอันดับความน่าเชื่อถือของ S&P กล่าว
คำกล่าวของเขามีขึ้น หลังจากที่ S&P ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษจากระดับ "AAA" หากผลการลงประชามติปรากฎว่าฝ่ายที่ต้องการให้อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปได้รับชัยชนะ
ก่อนหน้านี้ S&P ได้ประกาศปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษ สู่ระดับ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" หลังรัฐบาลอังกฤษประกาศจัดการทำประชามติเพื่อให้ชาวอังกฤษตัดสินใจว่าจะยังคงอยู่ในสหภาพยุโรป หรือจะแยกตัวออกมา โดยระบุว่า อังกฤษมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA อันเนื่องจากการที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนตัดสินใจที่จะจัดทำประชามติในการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป
"การที่รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจทำประชามติเกี่ยวกับสมาชิกภาพของอังกฤษในสหภาพยุโรป บ่งชี้ว่าการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางการเมืองมากกว่าที่ S&P ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้" แถลงการณ์ระบุ