ประชาชนนับหมื่นคนได้ออกมาชุมนุมกันกลางกรุงลอนดอนในวันเสาร์ เพื่อประท้วงผลการลงประชามติเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ชี้ว่าชาวสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่ต้องการออกจากสหภาพยุโรป ด้วยคะแนน 51.9% ต่อ 48.1% ส่งผลให้หลายพื้นที่ในเมืองหลวงของอังกฤษกลายเป็นอัมพาต
การชุมนุมและเดินขบวนอย่างสงบมีขึ้นหลังจากที่ประชาชนมากกว่า 4 ล้านคนได้ลงชื่อเพื่อยื่นคำร้องต่อรัฐสภาให้มีการลงประชามติครั้งที่สอง โดยคาดว่าจะมีประชาชนออกมาร่วมเดินขบวนถึงประมาณ 40,000 คน
การเดินขบวน ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ชื่อ "เดินขบวนเพื่อยุโรป" (March for Europe) นั้น มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่พาร์คเลน ก่อนที่จะมีการเคลื่อนขบวน 3 กิโลเมตรไปยังจัตุรัสรัฐสภา ขณะที่ผู้เดินขบวนได้ถือป้ายแสดงข้อความต่างๆ ที่แสดงถึงการสนับสนุนให้สหราชณาจักรอยู่กับอียูต่อไป ไม่ว่าจะเป็น "Stay Calm but Remain...Outraged" "Bremain" และ "We Love EU"
คีแรน แมคเดอร์มอตต์ หนึ่งในผู้จัดการเดินขบวนครั้งนี้ กล่าวว่า ผู้ประท้วงต้องการหยุดยั้งรัฐบาลไม่ให้บังคับใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอน ซึ่งจะเป็นการเริ่มกระบวนการให้สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ ขณะที่ มาร์ค โธมัส นักแสดงตลกแนวเสียดสี กล่าวว่า เขาช่วยจัดงานนี้ เพราะรู้สึกโกรธ ผิดหวัง และต้องการทำอะไรสักอย่าง
นอกจากการเดินขบวนแล้ว ยังมีการจัดเวทีปราศรัยซึ่งมีฉากหลังเป็นรัฐสภาและหอนาฬิกาบิ๊กเบน โดยผู้ร่วมชุมนุมได้ร่วมฟังบรรดาแกนนำและนักการเมืองขึ้นกล่าวแสดงปราศรัยเกี่ยวกับผลกระทบของการที่สหราชอาณาจักรออกจากอียู
บ็อบ เกลดอร์ฟ นักร้องนักดนตรีชื่อดังระดับตำนานของอังกฤษ อีกทั้งยังเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมถึงการระดมทุนหลายล้านปอนด์เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อดอยากและหิวโหยในแอฟริกา ก็เป็นหนึ่งในผู้ขึ้นกล่าวปราศรัยในวันเสาร์ด้วย โดยเขาได้ชักชวนให้ประชาชน "ออกมารวมตัวกันตามท้องถนน และบอกเพื่อนบ้านให้ช่วยกันยับยั้งอังกฤษไม่ให้ออกจากอียู"
ทั้งนี้ ในการลงประชามติเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ชาวลอนดอนถึงราว 60% เลือกโหวตอยู่กับอียูต่อ (Remain) ซึ่งสวนทางกับคนในพื้นที่อื่นๆของอังกฤษที่คนส่วนใหญ่เลือกโหวตออกจากอียู (Leave) ขณะที่ชาวเวลส์สนับสนุนฝั่ง Leave ส่วนชาวสกอตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือสนับสนุนฝั่ง Remain
ด้านโซเชียลมีเดียก็มีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก โดยผู้สนับสนุนจากทั้งสองฝ่ายได้ออกมาปะทะคารมกันผ่านทางสื่อออนไลน์ต่างๆ "ฉันเห็นด้วยว่าเรามีสิทธิประท้วงตามระบอบประชาธิปไตย แต่ฉันไม่เห็นว่า 'March for Europe' จะได้ผลตรงไหน ในเมื่อฝ่าย Leave ชนะการลงประชามติตามระบอบประชาธิปไตยไปแล้ว"