การประชุมสุดยอดผู้นำในเอเชียและยุโรป (ASEM) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลียนั้น บรรดาผู้นำประเทศเอเชียและยุโรปได้ให้คำมั่นว่าจะยึดมั่นในหลักการทางกฎหมายสากล เพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาททางทะเล อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้ระบุถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในทะเลจีนใต้
การประชุม ASEM ครั้งที่ 11 ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันตั้งแต่เมื่อวานนี้และเสร็จสิ้นในวันนี้ เป็นการประชุมที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นการรวมตัวกันครั้งแรกของบรรดาผู้นำทั่วโลกนับตั้งแต่ศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (PCA) กรุงเฮกได้ตัดสินข้อพิพาททะเลจีนใต้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยระบุว่าจีนไม่มีสิทธิ์เหนือพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลจีนใต้ตามที่ได้กล่าวอ้าง
แถลงการณ์ที่ประชุม ASEM ระบุว่า "เราเห็นพ้องต้องกันว่าควรมีมาตรการสร้างความเชื่อมั่น รวมทั้งการหลีกเลี่ยงการใช้กำลังหรือคุกคามด้วยกำลัง และควรจะแก้ปัญหาข้อพิพาทตามหลักการของกฎหมายสากล, กฎบัตรขององค์การสหประชาชาติ และสนธิสัญญาว่าด้วยกฎหมายทางทะเลขององค์การสหประชาชาติ"
นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้หยิบยกประเด็นทะเลจีนใต้ขึ้นมาหารือในระหว่างการประชุม โดยเขากล่าวว่า ข้อพิพาททะเลจีนใต้ถือเป็นประเด็นที่ประชาคมโลกมีความวิตกกังวล และควรใช้หลักการทางกฎหมายแก้ปัญหาในเรื่องนี้
นอกจากนี้ ที่ประชุม ASEM ยังได้ให้ความสนใจต่อข่าวการก่อรัฐประหารในตุรกี โดยนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานสหภาพยุโรป (EU) ประกาศในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ยุโรปสนับสนุนรัฐบาลที่มีจากการเลือกตั้งของตุรกี และการทำรัฐประหารไม่ควรเกิดขึ้นในตุรกียุคใหม่
ขณะที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า ทุกฝ่ายในตุรกีควรให้ความเคารพสถาบันที่ก่อตั้งขึ้นตามระบอบประชาธิปไตย์ พร้อมกับแสดงความหวังว่าสถานการณ์ในตุรกีจะกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว