แม้ว่านางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตซึ่งจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ จะต้องเผชิญกับมรสุมทางการเมืองในระยะนี้ แต่นักวิเคราะห์กลับมองว่า ฮิลลาลียังคงถือไพ่เด็ดไว้ในมืออีก 1 ใบ นั่นคือ "บิล คลินตัน" สามีของเธอเอง
บิล คลินตัน ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ และเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้ขึ้นกล่าวปราศัยสนับสนุนนางฮิลลารีในการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต ทำให้นักวิเคราะห์ต่างมองว่า นี่จะเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันให้นางฮิลลารีสามารถครองเก้าอี้ในทำเนียบขาวได้สำเร็จ
ดาร์เรลล์ เวสต์ รองประธานและผู้อำนวยการประจำภาควิชาการปกครอง สถาบันบรู๊กกิงส์ กล่าวว่า "บิล คลินตัน ได้ขทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบในการนำเสนอชีวิตของนางฮิลลารีผู้เป็นภรรยาให้ประชาชนได้รับรู้และรู้สึกใกล้ชิดมากขึ้น เขาได้ชี้ให้เห็นว่าสุภาพสตรีผู้นี้มีความกล้าคิดกล้าเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหน ผ่านการเล่าเรื่องชีวิตของเธอ"
ด้วยบุคลิกที่ดูเป็นมิตรและความเชี่ยวชาญในการเข้าถึงผู้ฟัง รวมถึงความนิยมในตัวของบิลที่สั่งสมมาตลอดการทำงานในแวดวงการเมืองมากว่า 40 ปี บิลจึงเป็นกุญแจสำคัญในการนำชัยชนะมาสู่นางฮิลลารีที่มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีบุคลิกและลักษณะการทำงานที่แข็งกระด้างคล้ายหุ่นยนต์อยู่เสมอ โดยในระหว่างการขึ้นกล่าวปราศัยครั้งนี้ บิลได้พยายามนำเสนอภาพอีกด้านหนึ่งของนางฮิลลารี ตั้งแต่ตอนที่ทั้ง 2 พบกันครั้งแรกเมื่อครั้งยังศึกษาที่มหาลัยเยล
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่า บิลยังสามารถดึงคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงผิวขาวชนชั้นทำงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นฐานเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันได้ ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างกล่าวว่า ทรัมป์จำเป็นต้องรักษาฐานเสียงเหล่านี้เอาไว้ให้ได้มากกว่า 92-93% เพื่อชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี
ทั้งนี้ ฐานเสียงของทรัมป์กลุ่มนี้เคยให้การสนับสนุนบิลเมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในอดีต จึงทำให้ฮิลลารีมีโอกาสชนะในศึกเลือกตั้งครั้งนี้หากบิลสามารถเจาะประชาชนกลุ่มนี้ได้ลึกกว่าทรัมป์
แดน มาฮัฟฟี นักวิเคราะห์จากศูนย์การศึกษางานประจำตำแหน่งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภา (CSPC) กล่าวว่า "บิลคือไพ่ใบสำคัญในการจำกัดความนิยมของทรัมป์ในกลุ่มผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชนชั้นทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ทรัมป์ต้องเอาชนะใจเพื่อคว้าชัยในรัฐทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ"
นอกจากนี้ บิลยังเคยเป็นหัวหน้ารัฐบาลในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับฮิลลารีก็เป็นได้ ถึงแม้ว่าบางฝ่ายจะกล่าวว่า เหตุผลที่แท้จริงของความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในสมัยนั้นไม่ได้มาจากรัฐบาล แต่มาจากการเกิดใหม่ของอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีใหม่ๆก็ตาม
แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใดก็ตาม ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงวัย 40 ขึ้นไป ก็จะยังคงสามารถจดจำภาพของบิล คลินตันในอดีตได้ และอาจเลือกนางฮิลลารีเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป เนื่องจากต้องการเห็นบิลกลับสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง ในฐานะ "สุภาพบุรุษหมายเลข 1"
ทั้งนี้ บิลยังเป็นที่รู้จักในฐานะนักการเงินมือฉมัง ซึ่งเขาจะสามารถเข้ามาช่วยดูแลประเทศในด้านนี้ได้อีกครั้งหากนางฮิลลารีได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี
เวสต์กล่าวว่า "บิลจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการสรรหางบประมาณประเทศ เนื่องจากเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่สามารถระดมทุนตามงานต่างๆเพื่อมาสนับสนุนโครงการของรัฐได้"