นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถเติบโตได้มากกว่า 4% ภายใต้นโยบายของเขา
นายทรัมป์ระบุว่า นโยบายของเขา ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษี 4.4 ล้านล้านดอลลาร์, ลดกฎระเบียบ และปรับปรุงนโยบายการค้าของสหรัฐ จะช่วยสร้างงานใหม่จำนวน 25 ล้านตำแหน่งในช่วง 1 ทศวรรษข้างหน้า
ขณะเดียวกัน นายทรัมป์ระบุว่า ทีมเศรษฐกิจของเขาคาดการณ์ว่าแผนการของเขาจะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตในอัตรา 3.5% ต่อปี
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1.1% ในไตรมาส 2 หลังจากขยายตัว 0.8% ในไตรมาส 1 และขยายตัว 1.0% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ขณะที่ขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว และทั้งปี 2015 ขยายตัว 2.4%
ครั้งล่าสุดที่เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 4% ได้เกิดขึ้นในปี 2000
อย่างไรก็ดี ออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์ ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า หากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในปลายปีนี้ ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2021
ออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่านโยบายของนายทรัมป์ เช่น การปกป้องทางการค้า, การลดภาษี และการส่งตัวผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายกลับประเทศ อาจมีการเปลี่ยนแปลงให้ลดความแข็งกร้าวลงในการเจรจาต่อรองกับสภาคองเกรส แต่สิ่งนี้จะส่งผลกระทบที่รุนแรง และทำให้จีดีพีสหรัฐลดลง 5% และบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์คาดการณ์ว่า หากนายทรัมป์ประสบผลสำเร็จในการผลักดันนโยบายของเขา เศรษฐกิจสหรัฐก็จะดิ่งลงใกล้แตะระดับ 0% ในปี 2019 และทำให้มูลค่าจีดีพีโดยรวม ลดลงสู่ระดับ 17.5 ล้านล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน ออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์คาดการณ์ว่า หากนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้ง ก็จะส่งผลให้สหรัฐมีการดำเนินนโยบายในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่จีดีพีจะมีการขยายตัวราว 2% ตั้งแต่ปี 2017 สู่ระดับ 18.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2021