การขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ในศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ยังคงเป็นที่จับตามองของหลายฝ่าย โดยเฉพาะในการดีเบตของทั้งสองที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้ทั้งนี้ โดยการดีเบตครั้งแรกจะมีขึ้นในวันที่ 26 ก.ย. และจะมีขึ้นอีก 2 ครั้งในวันที่ 9 ต.ค. และ 19 ต.ค.
นายฟอร์ด โอคอนเนล นักกลยุทธ์ของพรรครีพับลิกันมองว่า ถึงแม้นางฮิลลารีจะยังคงมีคะแนนนำนายทรัมป์อยู่ แต่ผลโพลล์ที่ออกมาหลายครั้งกลับชี้ให้เห็นว่า ทรัมป์เริ่มมีคะแนนตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้สนับสนุนนางฮิลลารีต่างกังวลเป็นอย่างมาก
จากผลสำรวจความนิยมในตัวผู้สมัครของเดือนก.ย.โดย Real Clear Politics พบว่า นางฮิลลารีมีคะแนนนำทรัมป์เพียง 1.5 จุดเท่านั้น
นายฟอร์ดกล่าวว่า สิ่งที่ทรัมป์ได้ทำช่วงหาเสียงคือการสร้างความกระตือรือร้นและเป้าหมายให้แก่ผู้คนที่สนับสนุนเขา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางที่ทำงานหาเช้ากินค่ำ ผิดกับผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตที่ไม่เคยทำในสิ่งเหล่านี้ได้เลยในหลายทศวรรษ เช่นนางฮิลลารีที่ไม่ได้สร้างความกระตือรือร้นใดๆในหมู่ผู้มีสิทธ์ออกเสียง เพียงแต่ได้รับอานิสงส์แรงสนับสนุนจากผู้ที่ไม่ชื่นชอบทรัมป์เท่านั้น
ในทางกลับกัน นางฮิลลารีกลับทำพลาดอีกครั้ง หลังจากที่กล่าวในระหว่างการหาเสียงเมื่อไม่นานมานี้ว่า กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ จัดเป็นกลุ่มคนที่ "น่าสงสาร" ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในหมู่ผู้สมัคร ที่กล่าวโจมตีผู้สนับสนุนคู่แข่ง แทนที่จะเป็นตัวคู่แข่งเอง
และด้วยเหตุนี้เอง ทรัมป์อาจได้เปรียบในการดีเบตที่จะถึงนี้ เนื่องจากทรัมป์สามารถหยิบยกคำพูดของฮิลลารีมาโจมตีเธอ ให้ดูเหมือนเป็นบุคคลที่มาจากชนชั้นสูงที่ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มชนชั้นกลางของประเทศได้ นายฟอร์ดกล่าว
นอกจากนี้ ปัญหาสุขภาพของนางฮิลลารี ที่เป็นข่าวดังในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ยังอาจเป็นอีกปัจจัยที่อาจทำให้เธอตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากประชาชนอาจไม่มั่นใจว่า ตัวแทนพรรคเดโมแครตวัย 68 ปีผู้นี้จะทำงานในตำแหน่งสำคัญได้ไหวหรือไม่ อีกทั้งยังเพิ่มความคลางแคลงใจเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลผู้สมัครจากทางฝั่งของฮิลลารีอีกด้วย
ทั้งนี้ นายฟอร์ดมองว่า นางฮิลลารียังมีข้อได้เปรียบอยู่บ้าง โดยเฉพาะการเดินเกมในภาคสนามโดยผู้จัดการแคมเปญมากประสบการณ์ ที่รู้วิธีเพิ่มฐานเสียงให้แก่นางฮิลลารีในหลายเขตของประเทศ
อย่างไรก็ตาม นายฟอร์ดอธิบายว่า การดีเบตที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้ นับเป็นโอกาสที่ทั้งคู่จะได้สร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ติดตาในหมู่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ติดตามการหาเสียงอย่างใกล้ชิด สำนักข่าวซินหัวรายงาน