นักวิเคราะห์การเมืองระบุว่า ศึกดีเบตระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ในวันจันทร์หน้า จะเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดของการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้
การดีเบตดังกล่าวจะเป็นเวทีปะทะคารมเป็นครั้งแรกในจำนวน 3 ครั้ง ระหว่างผู้สมัครจากทั้ง 2 พรรค โดยจะมีขึ้นที่มหาวิทยาลัยฮอฟสตราในนิวยอร์ก และจะใช้เวลา 90 นาที
ผลจากการดีเบตในอดีตบ่งชี้ว่า การทำพลาดในการโต้คารมเพียงครั้งเดียว จะทำให้คะแนนนิยมของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีรายนั้นดิ่งวูบลงทันที
และจากการที่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ทำให้ผู้ชมทางบ้านทำการตัดสินผลการแพ้ชนะด้วยการดูภาษากายของผู้สมัครทั้ง 2 นอกเหนือจากเนื้อหาที่ทั้ง 2 ฝ่ายกล่าวบนเวที
นางฮิลลารีถูกกดดันให้ต้องทำคะแนนให้ดีในการโต้วาทีครั้งนี้ หลังจากผลสำรวจระบุว่าชาวสหรัฐจำนวนหนึ่งยังคงมองว่านางฮิลลารีเชื่อถือไม่ได้ จากกรณีอื้อฉาวของการใช้อีเมล์ส่วนตัวระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ นอกจากนี้ การป่วยจากโรคปอดบวม ก็ทำให้ผู้ลงคะแนนเสียงไม่มั่นใจต่อสุขภาพของนางฮิลลารี
ส่วนนายทรัมป์เองก็คงต้องใช้เวทีในวันจันทร์หน้าในการพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ใช่เป็นคนก้าวร้าว และพูดจาโผงผางโดยไม่คิด ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาขาดความน่าเชื่อถือ
ถึงแม้ว่าผลสำรวจของหลายสำนักระบุว่า นางฮิลลารียังคงมีคะแนนนำนายทรัมป์ แต่คะแนนนิยมของนางฮิลลารีก็ได้ลดลงจากการสำรวจก่อนหน้านี้ ขณะที่นายทรัมป์สามารถลดช่องว่าง โดยมีคะแนนดีขึ้นตามลำดับ