ผู้สันทัดกรณีกล่าวว่า ศึกดีเบตระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ในวันจันทร์หน้า จะเป็นการโต้วาทีที่มีเดิมพันสูงสำหรับผู้สมัครทั้ง 2 ราย
การดีเบตดังกล่าวจะเป็นเวทีปะทะคารมเป็นครั้งแรกในจำนวน 3 ครั้ง ระหว่างผู้สมัครจากทั้ง 2 พรรค โดยจะมีขึ้นที่มหาวิทยาลัยฮอฟสตราในนิวยอร์ก และจะใช้เวลา 90 นาที
ผลสำรวจล่าสุดพบว่าคะแนนนิยมของคู่แข่งทั้ง 2 อยู่ในระดับใกล้เคียงกันมาก แม้นางฮิลลารียังคงมีคะแนนนำ แต่ก็ได้ลดลงจากการสำรวจก่อนหน้านี้ ขณะที่นายทรัมป์มีคะแนนดีขึ้นตามลำดับ
นอกจากนี้ นางฮิลลารีจำเป็นต้องแสดงให้ชาวสหรัฐราว 100 ล้านคนที่กำลังรับชมการดีเบตทางโทรทัศน์ เชื่อมั่นในสุขภาพของตน หลังจากที่มีอาการป่วยจากโรคปอดบวม ขณะที่นายทรัมป์เองก็ต้องเปลี่ยนแปลงบุคลิกให้มีความสุขุมแบบประธานาธิบดี แทนที่จะพูดจาโผงผาง และก้าวร้าว
นายแดเนียล คลิฟตัน หัวหน้าสถาบันวิจัยสเตรทแกส กล่าวว่า "หุ้นมักจะขึ้น หากพรรคการเมืองที่กำลังเป็นรัฐบาลในขณะนั้นโต้วาทีชนะ ซึ่งถ้าฮิลลารีสามารถปิดปากทรัมป์ในการดีเบตครั้งนี้ เราจะเห็นว่าดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นอย่างมาก แต่ถ้าทรัมป์ชนะการดีเบต นักลงทุนก็จะเทขายหุ้นในตลาด เนื่องจากทรัมป์เป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้"
นายคลิฟตันระบุว่า หากนางฮิลลารีโต้วาทีชนะ หุ้นส่วนใหญ่ในตลาดจะปรับตัวขึ้น รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน และกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน แต่ถ้านายทรัมป์ชนะ หุ้นส่วนใหญ่จะร่วงลง ยกเว้นกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ, บริษัทผลิตอาวุธ, กลุ่มน้ำมันและก๊าซ รวมทั้งกลุ่มธนาคาร