อลิซาเบธ กูแตร์เรซ โรเมโร่ พร้อมด้วยนักวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัย UNAM ในเม็กซิโก กล่าวแสดงความเห็นว่า ทั้งนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ต่างก็ล้มเหลวในการเจาะลึกด้านนโยบาย ในการดีเบตครั้งแรกเมื่อวานนี้ตามเวลาไทย ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะสามารถดึงดูดผู้ชมได้เป็นจำนวนมากก็ตาม
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ทั้งฮิลลารีและทรัมป์ ไม่ได้นำเสนอนโยบายหรือทางออกของปัญหาใดๆอย่างละเอียดชัดเจน โดยทรัมป์ยังคงมีท่าทีที่ "หัวแข็งและพูดวกไปวนมา" ในขณะที่ฮิลลารี "ใช้เวทีดีเบตต้อนทรัมป์จนเข้ามุม จนทำให้เขาไม่มีโอกาสโต้แย้งสิ่งอื่นๆที่เธอยกขึ้นมาได้"
ด้านนายเอดูอาร์โด้ โรซาเลซ แฮแรร่า ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัย UNAM มองว่า การดีเบตครั้งนี้ดำเนินไปตามรูปแบบที่คาดการณ์ไว้
"การดีเบตครั้งนี้เต็มไปด้วยมุมมองที่แตกต่างกันของทั้งคู่ รวมถึงมีการหยิบยกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างการหาเสียงมาพูดเป็นระยะ" นายแฮแรร่ากล่าว
อย่างไรก็ตาม ซิลเวีย นูเนซ การ์เซีย ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัย CISAN กล่าวว่า การตัดสินว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐจากการดีเบตครั้งนี้อาจเป็นเรื่องที่เร็วไป ถึงแม้หลายฝ่ายจะมองว่านางฮิลลารีสามารถพูดได้ดีกว่าทรัมป์ก็ตาม
"ถึงแม้ผลโพลจะระบุว่านางฮิลลารีสามารถคว้าชัยได้อย่างล้นหลามในการดีเบตครั้งนี้ แต่ข้อมูลนี้อาจมีผลเพียงเล็กน้อยต่อความชื่นชอบในตัวผู้สมัครของประชาชน" นางการ์เซียกล่าว และเสริมด้วยว่าข้อมูลนี้อาจช่วยจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้เพียงบางส่วนเท่านั้น