นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ได้ออกมาโจมตีนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ว่า นายทรัมป์จะทำให้ประเทศชาติตกอยู่ในสงครามนิวเคลียร์ หากเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี โดยนอกเหนือจากข่าวฉาวเรื่องการล่วงเกินทางเพศต่อสตรีแล้ว นายทรัมป์ยังไม่มีบุคลิกและความพร้อมที่จะขึ้นแท่นผู้นำประเทศด้วยเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาวิจารณ์ว่า หากนางคลินตันได้รับเลือกตั้งแล้ว ประเทศชาติก็จะดิ่งลงสู่ยุควิกฤติรัฐธรรมนูญ โดยนางคลินตันเองก็ไม่ได้ใสสะอาด เพราะล่าสุดก็เพิ่งถูก FBI จ่อรื้อคดี
การปะทะคารมดังกล่าวมีขึ้น หลังผู้สมัครทั้งสองต่างเผชิญกับมรสุมข่าวฉาว ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์จะถึงวันเลือกตั้งใหญ่ โดยนางคลินตันและนายทรัมป์จำเป็นต้องเรียกคะแนนให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ โพลล์สำรวจล่าสุดโดยเอบีซี นิวส์/วอชิงตัน โพสต์ ชี้ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน มีคะแนนพลิกนำหน้านางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต อยู่ 1 จุด ขณะที่ผลสำรวจจากเรียลเคลียร์โพลิติกส์ ระบุว่า คะแนนของผู้สมัครทั้งสองกลับมาเบียดคู่คี่สูสี นางฮิลลารีมีคะแนนนิยมนำหน้านายทรัมป์อยู่เพียง 2.2 จุด จากเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนที่มีคะแนนนำอยู่กว่า 7 จุด
โพลล์สำรวจล่าสุดจัดทำขึ้นภายหลังนายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการ FBI ส่งหนังสือไปยังสภาคองเกรสเมื่อวันศุกร์ โดยระบุว่า FBI พบว่ามีอีเมล์ใหม่ของนางฮิลลารี พัวพันกับคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัว แม้ว่า FBI ประกาศปิดคดีดังกล่าวไปในเดือนก.ค.ก็ตาม
นายซีเนีย วิคเกตต์ ประธานโครงการสหรัฐและอเมริกาของชาแธม เฮ้าส์ ระบุว่า ข่าว FBI เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารีนั้น อาจส่งผลดีต่อคะแนนเสียงของนางฮิลลารี
"ที่ผ่านมา นางฮิลลารีมีคะแนนนิยมทิ้งห่างนายทรัมป์ในการสำรวจ จนทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนบางส่วนต่างนิ่งนอนใจ และอาจจะไม่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากเชื่อว่านางฮิลลารีมีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้งอยู่แล้ว ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์จะมีความกระตือรือร้นออกมาใช้สิทธิมากกว่า เพราะมองว่านายทรัมป์กำลังมีคะแนนตามหลังนางฮิลลารี แต่จากการสำรวจล่าสุดที่พบว่าคะแนนนิยมของนายทรัมป์เริ่มไล่เบียดขึ้นมา ก็จะทำให้ผู้สนับสนุนนางฮิลลารีมีความต้องการออกมาใช้สิทธิลงคะแนนมากขึ้น" เขากล่าว