ชาวอเมริกันกว่า 32 ล้านคนเริ่มออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าก่อนวันเลือกตั้งจริงในวันที่ 8 พ.ย. โดยในขณะนี้นี้ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ผู้สมัครคนใดจะเป็นฝ่ายชนะ เนื่องจากสถานการณ์ยังคงไม่แน่นอน
จากการเก็บสถิติของมหาลัยฟลอริดาพบว่า แม้จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ล่วงหน้าโดยรวมจะอยู่ที่ราว 71% เมื่อเทียบกับปี 2555 แต่หากแบ่งจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ล่วงหน้าตามรัฐแล้วจะพบว่ามีความแตกต่างกับเมื่อปี 2555 มาก
ในรัฐ swing state หรือรัฐที่ประชากรส่วนใหญ่ยังไม่เทคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครคนใดคนหนึ่งอย่างฟลอริดาและนอร์ธแคโรไลนานั้น มีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าคิดเป็น 101% และ 84% ของจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าในปี 2555
ขณะเดียวกัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครต และรัฐหลุยเซียน่า ฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน ต่างมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม จำนวนประชากรผิวสีที่ออกมาใช้สิทธิ์ล่วงหน้านั้นลดลงกว่า 18% เมื่อเทียบกับปี 2555 นับเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักสำหรับนางฮิลลารี คลินตัน ที่ยังได้รับความนิยมในหมู่ชาวผิวสีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา
ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า ยังคงเร็วเกิดไปที่จะคาดเดาได้ว่า ผู้สมัครคนใดจะเป็นฝ่ายชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
เซธ แมสเก็ต นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเดนเวอร์กล่าวว่า การคาดการณ์ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะโดยยึดจากผลการเลือกตั้งล่วงหน้ามากไป เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เนื่องจากที่ผ่านมา การเลือกตั้งล่วงหน้ามีผลน้อยมากสำหรับการคาดการณ์ผลการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ในแต่ละรัฐของสหรัฐมีกฎหมายเลือกตั้งที่แตกต่างกันออกไป โดย 37 รัฐรวมถึงกรุงวอชิงตันนั้น อนุญาตให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงสามารถลงคะแนนล่วงหน้า ณ หน่วยเลือกตั้งด้วยตนเอง หรือผ่านทางไปรษณีย์ได้ ในขณะที่อีก 6 รัฐอนุญาตให้มีการลงคะแนนเสียงโดยไม่ต้องไปที่หน่วยเลือกตั้งได้โดยระบุเหตุผล และอีก 7 รัฐไม่อนุญาติให้มีการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าทุกรูปแบบ สำนักข่าวซินหัวรายงาน