ชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของตลาด และตรงกันข้ามกับที่สำนักสำรวจได้ทำนายไว้ก่อนหน้านี้ว่า นางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต จะชนะการเลือกตั้ง
นักวิเคราะห์ระบุว่า คะแนนเสียงที่ถล่มทะลายสนับสนุนนายทรัมป์ มาจากการที่นายทรัมป์ประกาศนโยบายว่าจะทำให้สหรัฐกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และผลประโยชน์ของสหรัฐต้องมาก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความพึงพอใจต่อชาวสหรัฐส่วนใหญ่ รวมทั้งชนชั้นแรงงานทั้งจากพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครตที่หันมาสนับสนุนนายทรัมป์ เนื่องจากไม่พอใจต่อนโยบายของพรรคเดโมแครตที่ปล่อยให้แรงงานต่างชาติเข้ามาแย่งงานในสหรัฐ ซึ่งส่งผลต่อการจ้างงานในประเทศ ขณะที่นายทรัมป์ประกาศชัดว่าจะสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก เพื่อไม่ให้ผู้อพยพผิดกฎหมายเข้ามาทำงานในสหรัฐ
นอกจากนี้ การที่นายทรัมป์ประกาศว่าจะลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อเป็นการดึงบริษัทสหรัฐที่ขณะนี้ลงทุนในต่างประเทศ ให้กลับเข้ามาในสหรัฐ ก็ได้ทำให้ชนชั้นแรงงานหันมาเทคะแนนให้แก่นายทรัมป์ เนื่องจากคาดหวังว่าการลงทุน และการจ้างงานจะปรับตัวดีขึ้น
ในด้านการค้าระหว่างประเทศนั้น นายทรัมป์ระบุว่าจะฉีก หรือรื้อข้อตกลงการค้าที่สหรัฐทำไว้กับประเทศต่างๆ ที่ทำให้สหรัฐมีความเสียเปรียบ ซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิลงคะแนนที่มองว่าสหรัฐควรมีการทำข้อตกลงการค้าที่มีความเป็นธรรม
การที่นายทรัมป์ประกาศว่าจะทบทวนสนธิสัญญาด้านการทหารกับต่างประเทศ เช่น กับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เพื่อให้ประเทศอื่นๆ รับผิดชอบทางการเงินในการรักษาความมั่นคงของตนเอง แทนที่สหรัฐจะต้องใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวในต่างประเทศ ก็ช่วยเรียกคะแนนเสียงจากชาวอเมริกันเช่นกัน
ส่วนการที่นายทรัมป์ระบุว่าจะกวาดล้างกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) และปิดรับผู้อพยพจากซีเรีย ก็ได้ช่วยสร้างความมั่นใจต่อชาวสหรัฐที่มีความวิตกต่อการโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย
นายทรัมป์ยังได้คะแนนเสียงจากกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับระบบโอบามาแคร์ โดยเขายืนยันว่าจะยกเลิกระบบดังกล่าว เนื่องจากสร้างภาระทางการเงินอย่างหนักต่อรัฐบาลสหรัฐ
ขณะเดียวกัน การที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกมาร่วมรณรงค์หาเสียงให้กับนางฮิลลารี กลับกลายเป็นสิ่งที่บั่นทอนคะแนนเสียงของนางฮิลลารีเอง เนื่องจากชาวสหรัฐส่วนหนึ่งมีความไม่พอใจต่อสภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ และพวกเขาต้องการการเปลี่ยนแปลง การที่มีปธน.โอบามาเป็นเงาข้างกายนางฮิลลารีจึงทำให้ฐานเสียงกลุ่มนี้หายไป เนื่องจากมองว่าถ้าเลือกนางฮิลลารีก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จึงพากันลงคะแนนสนับสนุนนายทรัมป์
เมื่อจำแนกกลุ่มผู้ที่สนับสนุนนายทรัมป์พบว่า ส่วนใหญ่เป็นชาวชนบทที่มีการศึกษาไม่สูงมากนัก โดยพวกเขาจะนิยมชมชอบสไตล์การพูดจาของนายทรัมป์ที่ถึงลูกถึงคน ติดดิน และเป็นกันเอง ซึ่งแตกต่างจากฐานเสียงของพรรคเดโมแครตซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีการศึกษา และอาศัยอยู่ในเมือง
นอกจากนี้ ถึงแม้โพลล์หลายสำนักต่างฟันธงไปในทิศทางเดียวกันว่า นางฮิลลารีจะชนะการเลือกตั้งในวันนี้ แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้าม ก็ได้สะท้อนจุดอ่อนหลายอย่างของการสำรวจ
ประการแรกคือ ผลการสำรวจที่ออกมาก่อนหน้านี้ ทำให้ฐานเสียงของนางฮิลลารีเลือกที่จะไม่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง
นักวิเคราะห์ระบุว่า ผลการสำรวจที่แสดงว่านางฮิลลารีมีโอกาสมากที่จะคว้าชัยชนะ ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนต่างนิ่งนอนใจ และไม่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยเชื่อว่านางฮิลลารีมีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้งอยู่แล้ว ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์จะมีความกระตือรือร้นออกมาใช้สิทธิมากกว่า เนื่องจากมองว่านายทรัมป์กำลังมีคะแนนตามหลังนางฮิลลารี
ประการที่ 2 คือการที่สำนักสำรวจคะแนนนิยมส่วนใหญ่จะใช้การโทรศัพท์สอบถามกลุ่มตัวอย่างผ่านทางโทรศัพท์พื้นฐาน หรือโทรศัพท์บ้าน มากกว่าโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากจะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าถึง 30-50% และเพราะกฎหมายสหรัฐห้ามสำนักโพลล์ทำการโทรศัพท์อัตโนมัติผ่านระบบคอมพิวเตอร์เข้าไปยังโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งจากการที่ไม่มีการจัดทำรายชื่อผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นระบบกลางเหมือนโทรศัพท์พื้นฐาน
แต่ในปัจจุบัน มีชาวอเมริกันถึงครึ่งหนึ่งที่มีแค่โทรศัพท์มือถือ และไม่มีโทรศัพท์พื้นฐาน ทำให้สำนักโพลล์ประสบปัญหา และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างที่จะเป็นตัวแทนของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่
นอกจากนี้ ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือยังมีแนวโน้มที่จะปฏิเสธสายโทรเข้าของสำนักโพลล์มากกว่าผู้ใช้โทรศัพท์พื้นฐาน โดยสำนักโพลล์หลายแห่งระบุว่า พวกเขาสามารถโทรติดต่อสอบถามความเห็นของกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเพียง 10% เท่านั้น ลดลงจากระดับ 80% เมื่อหลายปีก่อน
ประการสุดท้ายคือ การที่สำนักโพลล์หลายแห่งทำการสำรวจผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาตอบแบบสำรวจจะมาแบบสมัครใจ มากกว่าที่จะเป็นการสุ่มตัวอย่างจากบริษัทสำรวจ ทำให้ผลการสำรวจไม่ได้เป็นตัวแทนของประชากรส่วนใหญ่ในสหรัฐ