โฆษกองค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ประชาชนชาวอิรักกว่า 82,000 คนได้อพยพออกจากถิ่นฐานในเมืองต่างๆ เนื่องจากผลกระทบของปฏิบัติการทางทหาร โดยในสัปดาห์นี้ผู้อพยพส่วนใหญ่มาจากเมืองโมซูล ซึ่งประชาชนจำนวนมากยังคงมุ่งหน้าไปทางตะวันออกสู่ค่ายผู้อพยพบริเวณฮาซันชาม
สเตฟานี ดูจาริค โฆษก UN เปิดเผยว่า "น้ำดื่มที่สะอาด, การรักษาอาการบาดเจ็บสำหรับพลเรือน รวมถึงการขาดแคลนอาหารยังคงเป็นความต้องการด้านมนุษยธรรมลำดับแรกในพื้นที่แห่งนี้ รวมถึงเมืองโมซูลฝั่งตะวันออกด้วย โดยรถบรรทุกน้ำจะนำน้ำดื่มที่ปลอดภัยไปแจกจ่ายให้กับชุมชนเหล่านี้ ซึ่งมีการวางแผนซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเพื่อให้เพียงพอต่อการบริโภคในระยะยาว สำหรับศูนย์สุขภาพที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองโมซูลทางตะวันออกนั้นเพิ่งได้รับการสนับสนุนด้านเวชภัณฑ์และความรู้ต่างๆ "
นายดูจาริคยังกล่าวด้วยว่า ตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. เป็นต้นมา ประชาชนราว 17, 239,000 รายได้รับชุดช่วยเหลือฉุกเฉิน ซึ่งประกอบไปด้วยอาหาร น้ำ และอุปกรณ์ด้านสุขอนามัย ขณะที่ประชาชนจำนวน 224,000 รายได้รับส่วนแบ่งอาหารสำหรับ 1 เดือน นอกจากนี้ ประชาชนจำนวน 164,000 รายยังได้รับเครื่องใช้พื้นฐานภายในบ้าน และชุดอุปกรณ์กันหนาวซึ่งได้แก่ ผ้าห่ม และเสื่อร้อน
อนึ่ง เมื่อวันที่ 17 ต.ค.นั้น นายไฮเดอร์ อัล-อาบาดี นายกรัฐมนตรีอิรัก ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองกำลังอิรัก ประกาศเริ่มต้นสงครามเพื่อยึดเมืองโมซูล ซึ่งถูกกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ยึดครอง