โพลล์สำรวจความคิดเห็นจัดทำโดยแกลลัพ บ่งชี้ว่า มีชาวอเมริกันเกินครึ่ง หรือคิดเป็น 52% เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลสหรัฐแสดงบทบาทในการผลักดันนโยบายให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับความคุ้มครองภายใต้ระบบประกันสุขภาพ ขณะที่มีผู้ไม่เห็นด้วย 45%
ผลการสำรวจล่าสุดนี้ไม่ต่างจากโพลล์ที่จัดทำขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ทว่าแตกต่างจากผลสำรวจในช่วงปี 2555 ถึง 2557 ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า การผลักดันกฎหมายประกันสุขภาพให้คุ้มครองชาวอเมริกันทุกคนนั้น ไม่ใช่ภาระหน้าที่ของรัฐบาล
โพลล์ดังกล่าวจัดทำขึ้นหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐ เคยให้คำมั่นในช่วงหาเสียงว่า เขาจะล้มเลิกกฎหมายประกันสุขภาพที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา หรือที่เรียกกันว่า "โอบามาแคร์" อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ระบุในภายหลังว่าเขาอาจเปลี่ยนใจ โดยจะคงนโยบายหลักของโอบามาแคร์เอาไว้บางส่วน ซึ่งรวมถึงกฎเกณฑ์ที่ให้บริษัทประกันต้องมอบความคุ้มครองให้กับผู้เอาประกันตามเงื่อนไขที่กำหนดมาก่อนหน้านี้ และการอนุญาตให้บุตรหลานได้รับความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ของผู้ปกครองไปจนกระทั่งพวกเขามีอายุครบ 26 ปีบริบูรณ์
แกลลัพระบุว่า ในระหว่างที่ยังไม่มีรายละเอียดใดๆที่ชัดเจนออกมาเกี่ยวกับกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ที่อาจมาแทนที่โอบามาแคร์นั้น ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จึงยังเห็นด้วยกับการสร้างหลักประกันโดยรัฐบาล
นอกจากนี้ แกปลัพยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ทรัมป์อาจจะเผชิญกับความยุ่งยากซับซ้อนในการดำเนินนโยบาย เนื่องจากเขาต้องพยายามยกเลิกกฎหมายโอบามาแคร์ แต่ในขณะเดียวกัน การกระทำด้งกล่าวอาจขัดกับผลประโยชน์ของชาวอเมริกันที่เลือกเขาให้เป็นประธานาธิบดี