นายฌอน สไปเซอร์ โฆษกประจำตัวนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ให้สัมภาษณ์กับสถานีข่าว FOX News ว่า ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่ารัสเซียได้เข้ามาแฮกข้อมูลจนส่งผลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
โฆษกนายทรัมป์กล่าวว่า "สื่อใหญ่ๆต่างเล่นข่าวที่ว่ารัสเซียได้เข้ามามีอิทธิพลในการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดียังไม่พบหลักฐานว่ารัสเซียได้เข้ามามีอิทธิพลจริงๆ"
นอกจากนี้ นายสไปเซอร์ยังได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN ว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของปธน.โอบามานั้น "ด่วนสรุปโดยที่ยังไม่ทราบผลรายงานสมบูรณ์" พร้อมวิจารณ์ว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่ "ขาดความรับผิดชอบ"
เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้กล่าวโทษรัสเซียว่าได้เข้ามาแฮกข้อมูลสถาบันและบุคคลทางการเมืองของสหรัฐ เพื่อก้าวก่ายกระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยฝั่งรัฐบาลรัสเซียได้ออกมาโต้ว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ "ไม่มีมูล"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้เดินมาถึงขีดสุดเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา หลังหนังสือพิมพ์ Washington Post ได้เผยแพร่รายงานลับของสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ซึ่งระบุว่ารัสเซียได้เข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี
รายงานดังกล่าวระบุว่า แฮกเกอร์รัสเซียได้เจาะข้อมูลของทั้งฝั่งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน แต่ได้เลือกเผยแพร่เพียงเอกสารที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรคเดโมแครต
ด้านรัฐบาลรัสเซียได้ออกมาโต้ในประเด็นดังกล่าวมาตลอด โดยได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าตนอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งส่งผลให้นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตได้รับความเสียหายจากเอกสารที่รั่วไหลนี้
นอกจากนี้ ปธน.บารัค โอบามา ยังได้ประกาศตอบโต้รัสเซียเนื่องด้วยสาเหตุดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลา 3 สัปดาห์ก่อนตนพ้นจากตำแหน่ง
รัฐบาลสหรัฐโดยการนำของปธน.โอบามา ได้ประกาศคว่ำบาตรบุคคลและหน่วยงานของรัสเซียรวม 9 ราย ซึ่งรวมไปถึงหน่วยงานด้านข่าวกรองของรัสเซีย 2 แห่ง โดยอ้างว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐยังประกาศขับเจ้าหน้าที่รัสเซีย 35 คนออกจากประเทศ โดยให้เหตุผลว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้กระทำการที่ขัดต่อสถานะนักการทูต สำนักข่าวซินหัวรายงาน