รายงานของหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้ออกคำสั่งแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เพื่อสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน
ทั้งนี้ หน่วยงานทั้ง 3 ของสหรัฐ ได้แก่ สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) สำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐ (FBI) และสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ (NSA) ระบุว่า ปธน.ปูตินหาทางแทรกแซงการเลือกตั้งด้วยการทำให้นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต เสื่อมเสียชื่อเสียง
"เราได้ข้อสรุปด้วยว่า ปูตินและรัฐบาลรัสเซียดำเนินการแทรกแซงที่โจ่งแจ้งเพื่อสนับสนุนว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เรามั่นใจมากกับข้อสรุปของเรา" รายงานระบุ
เอกสารฉบับนี้ระบุว่า ปูตินและรัฐบาลรัสเซีย ได้ใช้วิธีต่างๆนานา เช่น การแฮคเซิร์ฟเวอร์อีเมลของพรรคเดโมแครต และปล่อยข้อมูลให้เว็บไซต์ของวิกิลีกส์ เพื่อทำให้นางฮิลลารีเสื่อมเสียชื่อเสียง และเพิ่มโอกาสที่นายทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งวันที่ 8 พ.ย.
"เป้าหมายของรัสเซียคือบั่นทอนความศรัทธาของสาธารณชนที่มีต่อกระบวนการประชาธิปไตยในสหรัฐ ทำให้รัฐมนตรีฮิลลาลีเสื่อมเสียชื่อเสียง และกระทบโอกาสที่เธอจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี" รายงานระบุ
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า หน่วยงานข่าวกรองของรัสเซียสามารถเข้าระบบของคณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครต (DNC) ได้ในเดือนก.ค. 2558 และเข้าใช้งานระบบถึงเดือนมิ.ย. 2559
ด้านนายทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่ยอมรับข้อสรุปของหน่วยข่าวกรองสหรัฐ ในขณะที่รัฐบาลรัสเซียก็ปฏิเสธข้อกล่าวหาของทางฝั่งสหรัฐเช่นกัน
วานนี้นายทรัมป์ได้พบกับผู้บริหารของหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐ เพื่อรับฟังคำชี้แจงที่มีการกล่าวหาว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังการแฮคการเลือกตั้ง ซึ่งนายทรัมป์กล่าวว่า การแฮคไม่ได้ส่งผลใดๆต่อผลการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี นายทรัมป์กล่าวว่าจะแต่งตั้งทีมงานเพื่อยับยั้งการโจรกรรมข้อมูลจากต่างชาติ พร้อมกับระบุถึงความจำเป็นในการปราบปรามและยับยั้งการโจมตีทางไซเบอร์