ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ สั่งการให้เอกอัครราชทูตใน 80 ประเทศทั่วโลก ซึ่งได้รับการแต่งตั้งในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ต้องลาออกจากตำแหน่งภายในช่วงบ่ายของวันที่ 20 ม.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันที่เขาทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ จะสร้างความเสี่ยงต่อการเกิดความไม่แน่นอนเป็นเวลาหลายเดือนในภูมิภาคที่มีความเปราะบางทางการเมืองหลายแห่งของโลก
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การดำเนินการถอนรากถอนโคนนักการทูตที่มาจากรัฐบาลของปธน.โอบามาตั้งแต่วันแรกที่นายทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง จะเสี่ยงที่จะทำให้หลายประเทศถูกตัดขาดจากสายตรงที่จะติดต่อกับประธานาธิบดีสหรัฐ ในขณะที่สภาคองเกรสต้องใช้เวลาหลายเดือนในกระบวนการให้การรับรองเอกอัครราชทูตคนใหม่
ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐที่จะต้องลาออกจากตำแหน่งภายในวันที่ 20 ม.ค. ได้รวมถึงเอกอัครราชทูตสหรัฐจากประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ซาอุดิอาระเบีย อินเดีย และออสเตรเลีย
แม้ว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติซึ่งเอกอัครราชทูตที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลชุดก่อน มักจะต้องลาออกจากตำแหน่งขณะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี แต่กระบวนการลาออกดังกล่าวจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยนักการทูตในบางประเทศจะใช้สิทธิ "ช่วงเวลาการผ่อนผัน" หรือ grace period โดยจะลาออกจากตำแหน่งหลังจากประธานาธิบดีคนใหม่ทำพิธีสาบานตนแล้วเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน เพื่อดูแลเรื่องราวในครอบครัว เช่น การศึกษาของบุตร หรืออาจเป็นเพราะในขณะนั้นเกิดวิกฤตการณ์ในประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความชำนาญและความคุ้นเคยของเอกอัครราชทูตคนปัจจุบัน