ยางฮี ลี ผู้แทนพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN) เตือนว่า รัฐบาลของเมียนมาจะสูญเสียความน่าเชื่อถือ หากยังคงปกป้องการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวมุสลิมโรฮิงญา พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า ระบบราชการของเมียนมาเป็นอุปสรรคขัดขวางนักสิทธิมนุษยชนในการเข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ขัดแย้งรุนแรงในประเทศ
นางลีกล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงย่างกุ้ง เมื่อวันศุกร์ว่า รัฐบาลเมียนมาจะมีความน่าเชื่อถือน้อยลงๆ หากยังคงเดินหน้าปฏิเสธและปกป้องตนเองจากข้อกล่าวหาในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ผู้แทนพิเศษ UN ระบุว่า การเข้าให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนในรัฐคะฉิ่น ฉาน และรัฐยะไข่นั้นย่ำแย่ลง เมื่อเทียบกับครั้งก่อนที่เธอได้เดินทางลงพื้นที่ดังกล่าว แม้สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นอย่างช้าๆในรัฐยะไข่ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ยังคงพบอุปสรรคในการทำงาน โดยเธอได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเข้าถึงข้อมูลและหลักฐานในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งรุนแรง เพื่อจัดการกับข้อกล่าวหาต่างๆ
นอกจากนี้ ทูตพิเศษ UN ยังได้ประณามเหตุการณ์โจมตีรุนแรงบริเวณชายแดนโดยกลุ่มติดอาวุธในรัฐยะไข่เมื่อเดือนต.ค.-พ.ย. โดยมีรายงาน กองกำลังความมั่นคงได้กระทำการที่โหดร้ายป่าเถื่อนต่อชาวโรฮิงญา ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ ส่งผลให้ชาวบ้านเหล่านี้ต้องหลบหนีข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธรายงานและข้อกล่าวหาทั้งหมด ระบุเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นและไม่เป็นความจริง ทั้งยังขัดขวางไม่ให้สื่อและผู้สังเกตการณ์ต่างประเทศเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ ยางฮี ลี ได้เสร็จสิ้นการเดินทางเยือนเมียนมาเป็นเวลา 12 วัน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเยือนเมียนมาครั้งที่ 5 ของเธอ โดยเธอได้เข้าพบนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐบาลอีกหลายคนในระหว่างการเดินทางเยือนครั้งนี้