สื่อต่างประเทศรายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิว่า ผู้โดยสารมากกว่า 170 คนถูกปฏิเสธเข้าประเทศสหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เซ็นคำสั่งพิเศษระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องชาวอเมริกันจากการก่อการร้าย
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประชาชนประมาณ 134 ล้านคน โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐคนหนึ่งเผยว่า แม้แต่ผู้ถือกรีนการ์ดจาก 7 ประเทศดังกล่าวก็อาจถูกปฏิเสธเข้าประเทศสหรัฐเช่นกัน
ขณะที่มีรายงานว่า ผู้ลี้ภัยชาวอิรัก 2 คนถูกกักตัวที่สนามบินจอห์น เอฟ เคนเนดี ของนิวยอร์ก หลังจากที่เดินทางมาถึงสนามบินในวันศุกร์ อย่างไรก็ดี หนึ่งในนั้นได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมาและได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศสหรัฐได้
ด้านสถานีโทรทัศน์ แคนาดา ทีวี รายงานว่า สายการบินเวสต์เจ็ต แอร์ไลน์ ของแคนาดา เผยว่า ทางสายการบินได้ปฏิเสธผู้โดยสารคนหนึ่งที่จะเดินทางไปยังสหรัฐในวันเสาร์ เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งพิเศษของนายทรัมป์ พร้อมกับเผยว่า ทางสายการบินจะคืนเงินเต็มจำนวนให้กับผู้โดยสารทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งพิเศษดังกล่าว
นอกจากนี้ยังได้เกิดเหตุผู้ประท้วงหลายร้อยคนชุมนุมกันที่อาคารผู้โดยสารของสนามบินนานาชาติซานฟรานซิสโก ในช่วงบ่ายวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หลังผู้ลี้ภัยจำนวนหนึ่งถูกกักตัวที่สนามบินมาตั้งแต่ช่วงเช้า
รายงานข่าวระบุด้วยว่า นอกจากสนามบินในซานฟรานซิสโกแล้ว ยังเกิดเหตุประท้วงลักษณะเดียวกันที่สนามบินในนิวยอร์ก วอชิงตันดีซี เดนเวอร์ และเมืองอื่นๆของสหรัฐด้วย