นางเฟเดริกา โมเกรินี หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (EU) ออกมายืนยันว่า EU จะยังคงอ้าแขนรับผู้ลี้ภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับระบุด้วยว่า คำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของผู้ลี้ภัยทั่วโลกนั้น ไม่ใช่วิถีทางของยุโรป
นางโมเกรินี กล่าวแถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของนอร์เวย์ ว่า "นี่ไม่ใช่วิถีทางของยุโรป สหภาพยุโรปจะยังคงเป็นสถานที่แรกที่ให้การดูแลและเปิดรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย รวมถึงผู้ลี้ภัยจากประเทศอื่นๆที่หลบหนีสงครามมา"
นอกจากนี้ เธอยังกล่าวย้ำว่า EU ได้บริจาคเงินช่วยเหลือให้แก่ชาวซีเรีย และมอบเงินช่วยเหลือโรงเรียนของพวกเขา ตลอดจนสร้างโอกาสในด้านอาชีพและให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
"สหภาพยุโรปเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมในระบบที่ตั้งบนพื้นฐานของหลักเกณฑ์และบรรทัดฐานสากล ด้วยการให้ความเคารพต่อทุกๆคนโดยไม่คำนึงถึงศาสนาและชาติพันธุ์ ไม่ว่าเขาจะมาจากประเทศใด หรือ ถือสัญชาติใด หรือเป็นเพศใดก็ตาม เราจะยังยึดถือแนวทางของเราเช่นนี้ต่อไป" เธอกล่าว
นางโมเกรินี ระบุว่า EU จะ "ทำงานอย่างต่อเนื่องในแง่ของการประสานความร่วมมือและให้ความเคารพกับทุกประเทศในภูมิภาคดังกล่าว โดยเราจะไม่คำนึงถึงศาสนาที่พวกเขานับถือ"
"สิ่งนี้คือวิถีของสหภาพยุโรป และดิฉันก็เชื่อว่า สิ่งนี้คือวิถีของชนชาติยุโรปด้วยเช่นกัน"
ทั้งนี้ การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศถูกห้ามไม่ให้เดินทางเข้าประเทศสหรัฐเป็นเวลา 120 วัน ขณะที่พลเมืองจาก 7 ประเทศที่มีความเสี่ยงด้านก่อการร้าย ซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย จะถูกแบนห้ามผ่านเข้าประเทศเป็นเวลา 90 วัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน