นักการเมืองฝ่ายค้านและกลุ่มสิทธิมนุษยชนในแคนาดาเรียกร้องให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ประกาศคัดค้านคำสั่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ หรือตอบโต้ด้วยมาตรการที่เป็นรูปธรรม แม้ว่าแคนาดาจะไม่ใช่ประเทศที่อยู่ในคำสั่งชั่วคราวห้ามเดินทางเข้าสหรัฐของทรัมป์ก็ตาม
ทั้งนี้ ในคืนวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น สมาชิกรัฐสภาแคนาดาได้จัดการอภิปรายฉุกเฉินเกี่ยวกับนัยของคำสั่งห้ามประชาชน 7 ชาติมุสลิมและผู้ลี้ภัยเดินทางเข้าสหรัฐ โดยเจนนี กวาน นักการเมืองซึ่งเกิดที่ฮ่องกง ตัวแทนเขตแวนคูเวอร์ตะวันออกจากพรรคประชาธิปไตยใหม่ (NDP) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองกึ่งซ้าย เป็นผู้เสนอให้ถกประเด็นขึ้นมา เธอระบุว่าคำสั่งห้ามเดินทางของปธน.ทรัมป์คือการเกิดใหม่ของนโยบายคนเข้าเมืองซึ่งยึดชาติพันธุ์เป็นที่ตั้ง ซึ่งไม่พบเห็นมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
พรรค NDP ร่วมด้วยอลิซาเบธ เมย์ ผู้นำพรรคกรีน และองค์การนิรโทษกรรมสากลประจำแคนาดาและสหรัฐ ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลแคนาดาถอดสหรัฐออกจากรายชื่อ "ประเทศที่ 3 ที่มีความปลอดภัย" ซึ่งบัญญัติอยู่ในกฎหมายปกป้องผู้อพยพและผู้ลี้ภัยของแคนาดา โดยกฎหมายนี้กำหนดให้ผู้ลี้ภัยที่เดินทางมายังแคนาดาผ่านทางสหรัฐ ต้องยื่นคำร้องเพื่อขอความคุ้มครองในสหรัฐ
นอกจากนี้ พรรค NDP และนางเมย์ ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคกรีนเพียงคนเดียวในรัฐสภา ยังเรียกร้องให้รัฐบาลแคนาดาเพิ่มโควตาผู้ลี้ภัยด้วย
อย่างไรก็ดี นายอาห์เหม็ด ฮุสเซ็น รัฐมนตรีกระทรวงคนเข้าเมือง ผู้ลี้ภัย และสิทธิความเป็นพลเมืองของแคนาดา ซึ่งเป็นผู้ที่เกิดในโซมาเลีย ปฏิเสธข้อเสนอให้เพิ่มโควต้าผู้ลี้ภัย โดยระบุว่า แคนาดากำลังติดตามผลกระทบของคำสั่งควบคุมการเดินทางเข้าสหรัฐ และแคนาดาเองได้อนุญาตให้ผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลางเดินทางเข้าประเทศแล้ว 872 คนโดยใช้กระบวนการคัดกรองล่วงหน้า พร้อมกับย้ำว่า แคนาดาอาจขยายเวลาพักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ไม่มีที่ไปเนื่องจากคำสั่งควบคุมการเดินทางเข้าสหรัฐ
ทั้งนี้ นายทรูโด นายกรัฐมนตรรีแคนาดา สงวนท่าทีในการแสดงความคิดเห็นที่รุนแรงเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐมาโดยตลอด โดยในการอภิปรายที่รัฐสภาวันเดียวกัน นายทรูโดระบุว่า รัฐบาลของตนมีสองบทบาท ได้แก่ การคุ้มครองการสร้างงานและผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในแคนาดา ควบคู่กับการปกป้องค่านิยมและหลักการของแคนาดา สำนักข่าวซินหัวรายงาน