นายไซมอน แซนโดวัล-โมเชนเบิร์ก ทนายความภาครัฐเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่า สหรัฐได้เพิกถอนวีซ่าที่ออกให้กับบุคคลต่างชาติมากกว่า 100,000 คน นับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ลงนามในคำสั่งห้ามประชาชนจาก 7 ประเทศมุสลิมและผู้ลี้ภัยเข้าสหรัฐ
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า สหรัฐเพิกถอนวีซ่าบุคคลต่างชาติไม่ถึง 60,000 คน น้อยกว่าตัวเลขของทนายความรายนี้
ทั้งนี้ นายแซนโดวัล-โมเชนเบิร์กเผยตัวเลขดังกล่าวในระหว่างศาลพิจารณาคดี ซึ่งเขาว่าความในฐานะตัวแทนสองพี่น้องเยเมนที่ถูกกักตัวที่สนามบินดัลเลสใกล้กรุงวอชิงตันหลังจากเดินทางมาถึงเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว และถูกส่งตัวกลับเอธิโอเปีย
รัฐบาลสหรัฐมักจะพิจารณากรณีที่คล้ายคลึงสองพี่น้องเยเมนเป็นกรณีไป โดยมีการยื่นข้อเสนออนุมัติวีซ่าใหม่และโอกาสเดินทางเข้าสหรัฐใหม่ให้กับผู้ร้องทุกข์ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อแลกกับการยกเลิกการฟ้อง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อระงับการเข้าสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิม ซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องชาวอเมริกันจากการก่อการร้าย สำนักข่าวซินหัวรายงาน