ศาลอุทธรณ์เขต 9 ประจำนครซาน ฟรานซิสโกของสหรัฐ มีคำพิพากษายืน โดยปฏิเสธที่จะให้รื้อฟื้นคำสั่งแบนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ในการห้ามพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมเข้าประเทศ
"เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแตกแยกในครอบครัว และเพื่อไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติ ศาลจึงวินิจฉัยเห็นว่า ประชาชนมีเสรีภาพที่จะเดินทาง" ศาลอุทธรณ์ระบุในคำวินิจฉัยซึ่งมีจำนวน 29 หน้า
ทั้งนี้ คณะผู้พิพากษาที่นั่งบัลลังก์ศาลอุทธรณ์ประกอบด้วย ผู้พิพากษาวิลเลียม แคนบี วัย 85 ปี ผู้พิพากษาริชาร์ด คลิฟตัน วัย 66 ปี และผู้พิพากษามิเชล ฟรีดแลนด์ วัย 44 ปี ได้ลงคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ โดยให้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้การระงับคำสั่งห้ามของปธน.ทรัมป์นั้น มีผลบังคับต่อไป
คำพิพากษายืนของศาลอุทธรณ์ครั้งนี้ นับเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้อพยพและผู้ที่ถือวีซ่าจาก 7 ประเทศมุสลิมซึ่งประกอบไปด้วยอิรัก อิหร่าน ซีเรีย เยเมน โซมาเลีย ซูดาน และลิเบียนั้น ยังสามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้
เมื่อปลายเดือนม.ค. ปธน.ทรัมป์ได้ใช้อำนาจประธานาธิบดีออกคำสั่งห้ามพลเมืองจาก 7 ชาติดังกล่าวเดินทางเข้าสู่สหรัฐเป็นเวลา 90 วัน รวมถึงห้ามผู้อพยพจากทุกประเทศเดินทางเข้าสู่สหรัฐ แต่ต่อมาศาลชั้นต้นในรัฐวอชิงตัน ได้มีคำวินิจฉัยให้ระงับคำสั่งดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ เนื่องจากเห็นว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญของสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศกร้าวว่า เขาจะต่อสู้ในกระบวนการชั้นศาลจนถึงที่สุด เพื่อที่จะรื้อฟื้นคำสั่งห้ามผู้อพยพเข้าประเทศของเขากลับมาใช้อีกครั้ง