กลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสจากญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ เมื่อวานนี้ได้มีการพูดคุยเพื่อหามาตรการใหม่ในการสกัดท่อน้ำเลี้ยงเกาหลีเหนือ ไม่ให้เกาหลีเหนือมีเงินทุนหนุนโครงการขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์
นอกเหนือจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้ลงมติเห็นชอบเพิ่มการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือแล้ว แถลงการณ์ร่วมยังระบุว่า รัฐบาลทั้ง 3 ประเทศ "ได้พิจารณาหามาตรการอื่นๆที่เป็นไปได้ตามอำนาจของตน" โดยเน้นที่แหล่งรายได้ผิดกฎหมายของรัฐบาลเกาหลีเหนือ
การหารือดังกล่าวมีขึ้นหลังรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการทูตที่สำคัญของเกาหลีเหนือ ได้ประกาศระงับนำเข้าถ่านหินจากเกาหลีเหนือ การระงับนำเข้าถ่านหินในครั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. ถึง 31 ธ.ค. 2560 โดยเป็นการดำเนินการสอดคล้องกับข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 2321
ในส่วนของการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ แถลงการณ์จาก 3 ประเทศระบุว่า เกาหลีเหนือได้ "เพิกเฉยอย่างชัดเจน" ต่อมติของ UNSC ในหลายๆข้อซึ่งห้ามให้มีการดำเนินโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ โดยการกระทำดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับ "การตอบโต้อย่างแข็งกร้าวจากนานาประเทศ"
การประชุมระหว่างตัวแทนจากญี่ปุ่น สหรัฐ และเกาหลีใต้นี้ มีขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันที่ 20 ม.ค.
นายเคนจิ คานาซุกิ ตัวแทนจากฝั่งญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ตัวแทนจากทั้ง 3 ประเทศได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องการสังหารนายคิม จอง นัม พี่ชายต่างมารดาของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมาในประเทศมาเลเซีย ซึ่งสงสัยว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือมีส่วนเกี่ยวข้อง
นายเคนจิ กล่าวว่า "เราได้หารือเรื่องผลกระทบที่การสังหารนายคิม จอง นัม อาจมีต่อสถานการณ์ในเกาหลีเหนือ รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับจีน" โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม สำนักข่าวเกียวโดรายงาน