ตลาดการเงินจับตาการพบกันระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ในวันที่ 6-7 เม.ย.นี้ โดยการพบกันครั้งนี้จะจัดขึ้นที่ รีสอร์ท Mar-a-Lago ในเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา
การประชุมครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของผู้นำทั้ง 2 ประเทศ หลังจากที่ปธน.ทรัมป์เข้าดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐเมื่อวันที่ 20 ม.ค. โดยคาดกันว่า ผู้นำทั้ง 2 จะร่วมกันหารือในประเด็นเกี่ยวกับโครงการขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ประเด็นการอ้างสิทธิในพื้นที่ทะเลจีนใต้ของจีน และประเด็นปัญหาการค้าในระดับทวิภาคี
นอกจากนี้ นายสี จิ้นผิง นับเป็นผู้นำต่างประเทศคนที่ 2 ที่ได้รับการรับเชิญให้พบปะหารือกับปธน.ทรัมป์ที่รีสอร์ท Mar-a-Lago หลังจากที่นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่ได้เดินทางเยือนรีสอร์ทแห่งนี้เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
การพบปะกันระหว่างปธน.สี และปธน.ทรัมป์ มีขึ้นในช่วงเวลาที่ทรัมป์พยายามเดินหน้าแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้า โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี 2 ฉบับ โดยฉบับแรกเป็นคำสั่งให้หาสาเหตุที่ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ามูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ จาก 16 ประเทศ โดยในคำสั่งดังกล่าวได้กำหนดให้กระทรวงพาณิชย์และผู้แทนการค้าสหรัฐทำการศึกษาเรื่องดังกล่าวภายในระยะเวลา 90 วัน
ส่วนคำสั่งฉบับที่ 2 เป็นการสั่งการให้เพิ่มประสิทธิภาพการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด โดยระบุว่า ณ เดือนพ.ค. 2558 มีอากรตอบโต้การทุ่มตลาด 2.3 พันล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลสหรัฐยังไม่สามารถเก็บได้ นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวยังระบุให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิจัดการปัญหาการละเมิดกฎหมายการค้าและภาษีอากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงเพิ่มความเข้มข้นในการจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และสินค้าปลอมด้วย
สำหรับประเด็นการรับมือกับเกาหลีเหนือนั้น ล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยต่อสื่อสหรัฐว่า สหรัฐสามารถจัดการกับปัญหาเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือได้เอง หากไม่ร่วมมือสหรัฐในเรื่องนี้