รัฐบาลตุรกีได้ออกมาประกาศชัยชนะหลังจากประชาชนได้ลงมติสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้มีการใช้ระบบอำนาจของประธานาธิบดีแทนระบบรัฐสภาที่มีอยู่เดิม และจะส่งผลให้ประธานาธิบดีมีอำนาจในการบริหารประเทศมากขึ้น
ประธานาธิบดีเรเซพ ตอยยิบ เออร์โดกัน ได้แถลงผ่านทางสถานีโทรทัศน์ตุรกีว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ผ่านการลงประชามติเรียบร้อยแล้ว ซึ่งประชาชนที่โหวตสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีจำนวนมากถึง 25 ล้านคน สูงกว่ากลุ่มผู้ไม่สนับสนุนที่มีอยู่เพียง 1.3 ล้านคน
"วันนี้ชาวตุรกีได้ร่วมกันตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ ด้วยการลงประชามติเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารประเทศ" ปธน.เออร์โดกันกล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศต่างๆที่เป็นพันธมิตรกับตุรกี ยอมรับการตัดสินใจของประชาชนชาวตุรกีในครั้งนี้
ทางด้านนายไบนาลี ยิลดีริม นายกรัฐมนตรีตุรกี ได้ออกมาประกาศชัยชนะในการลงประชามติครั้งนี้เช่นกัน โดยกล่าวว่า "ผลนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการบ่งชี้ว่า ประชาชนชาวตุรกีได้สนับสนุนให้มีการใช้ระบบประธานาธิบดี ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของตุรกีได้ถูกเปิดออกแล้ว ไม่มีใครเป็นผู้พ่ายแพ้ในการลงประชามติครั้งนี้ เพราะเราเป็นชนชาติเดียวกัน และถึงเวลาแล้วที่เราจะร่วมกันสร้างความเป็นปึกแผ่นภายในชาติ"
ผลการนับคะแนนเบื้องต้นในการลงประชามติของตุรกีระบุว่า ชาวตุรกีส่วนใหญ่โหวตสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับประธานาธิบดี ซึ่งจะปูทางให้มีการใช้ระบบอำนาจของประธานาธิบดีแทนระบบรัฐสภาที่มีอยู่เดิม และจะส่งผลให้ประธานาธิบดีเรเซพ ตอยยิบ เออร์โดกัน มีอำนาจในการบริหารประเทศมากขึ้น
สำนักข่าวอานาโดลูของรัฐบาลตุรกีรายงานว่า ผลการนับคะแนนเบื้องต้นซึ่งดำเนินการไปแล้วราว 99% บ่งชี้ว่า 51.35% ของชาวตุรกีที่ออกมาในสิทธิ์นั้น ได้สนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับประธานาธิบดี ขณะที่ 48.65% ไม่สนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ในการลงประชามติครั้งนี้ มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์มากกว่า 86% จากประชากรทั่วประเทศราว 55 ล้านคน