ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เตรียมลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีเกี่ยวกับนโยบายด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมอีก 2 ฉบับในสัปดาห์นี้ เพื่อเอื้อให้สหรัฐสามารถทำการสำรวจพลังงานทั้งในและนอกชายฝั่งได้ง่ายขึ้นกว่ารัฐบาลชุดก่อน
ในวันพุธนี้ ปธน.ทรัมป์จะลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีเกี่ยวกับกฎหมายโบราณวัตถุ (Antiquities Act) ในปี 2499 ซึ่งเป็นกฏหมายที่มอบอำนาจให้ประธานาธิบดีสามารถกำหนดได้ว่า พื้นที่หรือแหล่งน้ำที่สำคัญใดควรจัดเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ (national monuments) เพื่อป้องกันมิให้พื้นที่ดังกล่าวถูกทำลายจากการขุดเจาะน้ำมัน ทำเหมือง หรือพัฒนาอุตสาหกรรมในบริเวณนั้นๆ
สำหรับในวันศุกร์ ปธน.ทรัมป์จะลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อให้มีการพิจารณาทบทวนพื้นที่ที่สามารถทำการสำรวจปิโตรเลียม รวมถึงออกกฏหมายควบคุมการขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อยกเลิกแผนการพลังงานสะอาดที่ริเริ่มขึ้นในสมัยของอดีตปธน.บารัค โอบามา ซึ่งโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงไฟฟ้า
ทั้งนี้ ทรัมป์เคยกล่าวไว้ว่า ปัญหาโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวง และขู่ว่าจะถอนตัวออกจากความตกลงปารีส
นอกจากนี้ รัฐบาลของทรัมป์ยังได้ออกมากล่าวโจมตีรัฐบาลของอดีตปธน.โอบามาว่า รัฐบาลชุดก่อนใช้กฏหมาย Antiquities Act "มากเกินความจำเป็น" ซึ่งส่งผลให้สหรัฐเสียโอกาสในการสำรวจแหล่งพลังงานในประเทศ
ทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า อดีตปธน.โอบามาใช้กฏหมายดังกล่าวมากกว่าปธน.คนอื่นๆ โดยเขาได้ประกาศให้พื้นที่กว่า 1.6 ล้านเอเคอร์ในรัฐยูทาห์และเนวาดาเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ