ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกเดินทางเยือนตะวันออกกลางและยุโรป ซึ่งถือเป็นการเดินสายเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
"ผมจะเดินทางไปพบผู้นำหลายๆประเทศ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนาน สร้างความสัมพันธ์ครั้งใหม่ และหลอมรวมโลกที่เจริญแล้วเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย" ปธน.ทรัมป์ กล่าวก่อนออกเดินทางไปยังซาอุดิอาระเบีย อิสราเอล นครรัฐวาติกัน เบลเยียม และอิตาลี
สำหรับจุดหมายปลายทางแรกอย่างซาอุดิอาระเบีย คาดว่าปธน.ทรัมป์จะพยายามสร้างความร่วมมือกับผู้นำชาติมุสลิมเพื่อต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย IS
จากนั้นผู้นำสหรัฐจะเดินทางไปพบนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ที่กรุงเยรูซาเลม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และจะเข้าพบประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ ที่กรุงเบธเลเฮม ในเขตเวสต์แบงก์ เพื่อหาทางสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์
ในวันที่ 24 พ.ค. ปธน.ทรัมป์จะเดินทางเยือนนครรัฐวาติกัน และเข้าพบสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส จากนั้นในวันที่ 25 พ.ค. ผู้นำสหรัฐจะเข้าร่วมการประชุมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
ในวันที่ 26-27 พ.ค. ปธน.ทรัมป์จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G7 ที่เมืองซิซิลี ประเทศอิตาลี โดยคาดว่าจะมีการพูดคุยเรื่องเศรษฐกิจโลก เช่น การกีดกันทางการค้าที่มีมากขึ้น รวมถึงประเด็นด้านความมั่นคง เช่น สงครามกลางเมืองในซีเรีย และภัยคุกคามจากนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ เป็นต้น
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ตลอดการเดินสายเยือนต่างประเทศในครั้งนี้ นางเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้ร่วมเดินทางไปด้วย