นายจิม แมททิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมความมั่นคงประจำปีของเอเชีย ซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์ในวันนี้ โดยนายแมททิสระบุว่า เกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามทางทหารที่ร้ายแรง และสหรัฐให้คำมั่นว่าจะเดินหน้ากดดันเกาหลีเหนือต่อไป จนกว่าเกาหลีเหนือจะยอมยุติโครงการนิวเคลียร์
นอกจากนี้ นายแมททิสยังได้วิพากษ์วิจารณ์จีนที่ยังคงแทรกแซงกิจการในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก
"สหรัฐไม่สามารถยอมรับได้ ในกรณีที่จีนเข้าแทรกแซงกิจการของประชาคมโลก ซึ่งถือเป็นการบั่นทอนความเป็นระเบียบเรียบร้อยตามกฎขั้นพื้นฐาน อันเป็นผลประโยชน์ของประเทศต่างๆในทุกวันนี้" นายแมททิสกล่าวในการประชุมดังกล่าว ซึ่งมีรัฐมนตรีกลาโหม เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง และนักวิชาการต่างประเทศต่างๆเกือบ 40 ประเทศเข้าร่วมด้วย
นายแมททิสยังกล่าวด้วยว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มองว่า เกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และสหรัฐจะเดินหน้าใช้ช่องทางการทูตและเพิ่มแรงกดดันด้านเศรษฐกิจ จนกว่าเกาหลีเหนือจะยอมยุติโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นของนายแมททิสมีขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ประเทศต่างๆในเอเชียได้แสดงความกังขาว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์จะยังคงยึดมั่นในคำมั่นสัญญาณที่จะช่วยรักษาเสถียรภาพในเอเชียแปซิฟิกหรือไม่
ทางด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) มีมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือครั้งใหม่ โดยจะขึ้นบัญชีดำบุคลากรของเกาหลีเหนือ 14 คน และองค์กรต่างๆของเกาหลีเหนือ 4 องค์กร เพื่อตอบโต้โครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ UNSC ยังได้ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงต่อโครงการอาวุธนิวเคลียร์และการพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือกระทำการยั่วยุด้วยการทดสอบยิงขีปนาวุธนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว พร้อมกับเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์ และยุติกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ในทันที
การทดสอบยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือมีขึ้นเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยกองบัญชาการทหารภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐเปิดเผยว่า ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ และได้ถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นเวลานาน 6 นาที ก่อนที่จะตกลงสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น (EEZ) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณทะเลญี่ปุ่น