คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เปิดเผยวานนี้ว่า รัฐบาลอิหร่านตกลงที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ซึ่งเป็นข้อตกลงที่สหรัฐได้ลงนามร่วมกับอิหร่านในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
อย่างไรก็ตาม คณะทำงานของนายทรัมป์ก็ยังมองว่าอิหร่านจัดเป็น "ประเทศอันตราย" และจะมีการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านรอบใหม่ ในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์
เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากคณะทำงานของนายทรัมป์กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะให้การรับรองต่อสภาคองเกรสว่า อิหร่านได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ในปี 2558
เจ้าหน้าที่กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "รมว.ต่างประเทศสหรัฐกำลังอยู่ในระหว่างการยื่นหนังสือรับรองต่อสภาคองเกรสว่า อิหร่านได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ซึ่งจัดทำขึ้นในปี 2558 มาโดยตลอด"
แต่ถึงกระนั้น สหรัฐก็ยังจัดอิหร่านให้อยู่ในบัญชีรายชื่อของ "ประเทศที่อันตรายและเป็นภัยต่อผลประโยชน์ของสหรัฐและความมั่นคงในภูมิภาค"
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังกล่าวย้ำอีกด้วยว่า สหรัฐจะยังคงใช้ไม้แข็งกับอิหร่านต่อไป โดยทางรัฐบาลเตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ เนื่องจากอิหร่านยังมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบางประการ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกเมื่อปีที่แล้ว ทรัมป์มักจะวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านอยู่เสมอ โดยมองว่าเป็นข้อตกลงที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่สหรัฐเคยเจรจามา
ทั้งนี้ อิหร่านและ 6 ชาติมหาอำนาจ ได้แก่ สหรัฐ อังกฤษ จีน รัสเซีย ฝรั่งเศส และเยอรมนี (หรือที่รู้จักกันในนามกลุ่ม P5+1) ได้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ร่วมกันเมื่อเดือนก.ค. 2558 ซึ่งส่งผลให้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกควบคุมเข้มงวดยิ่งขึ้น แลกกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน