หลายประเทศในภูมิภาคลาตินอเมริกาได้ออกมาประณามการขู่แทรกแซงทางการทหารต่อเวเนซุเอลา หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้เปิดเผยว่า เขาไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะใช้ "ทางเลือกด้านการทหาร" ต่อเวเนซุเอลา
นายริคาร์โด ลูนา รัฐมนตรีต่างประเทศของเปรู ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธการใช้กำลังทุกประเภท และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเจรจาหารือกัน เนื่องจากการเจรจาเป็นหนทางเดียวที่จะฟื้นฟูเสถียรภาพในเวเนซุเอลา
ด้านโคลอมเบียและเม็กซิโกได้ออกแถลงการณ์แสดงความไม่เห็นด้วยเช่นกัน
"ถึงแม้สถานการณ์ปัจจุบันจะยากต่อการบรรลุแนวทางแก้ปัญหาด้วยการเจรจาอย่างสันติ แต่เรายังคงเชื่อว่าการเจรจาอย่างสันติคือหนทางที่ถูกต้องในการหาทางออกระยะยาวเพื่อประชาชนชาวเวเนซุเอลา" รัฐบาลโคลอมเบียระบุ
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของเม็กซิโกแสดงความเห็นในทำนองเดียวกัน โดยระบุว่าเม็กซิโกจะใช้ความพยายามทางการทูตทุกวิถีทางเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อช่วยเวเนซุเอลายุติวิกฤติที่เกิดขึ้นในประเทศผ่านวิธีการอย่างสันติ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีเอโว โมราเลส ของโบลิเวีย ได้กล่าวประณามการขู่แทรกแซงทางการทหารของสหรัฐผ่านทางบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัว
ทั้งนี้ ทรัมป์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวระหว่างการใช้เวลาพักผ่อนที่กอล์ฟคลับ ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เมื่อวันศุกร์ โดยกล่าวว่า "เรามีทางเลือกมากมายที่จะใช้กับเวเนซุเอลา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การใช้ทางเลือกด้านการทหาร หากจำเป็น"
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวอย่างชัดเจนว่า กองกำลังทหารของสหรัฐจะเป็นแกนนำในปฏิบัติการครั้งนี้หรือไม่
ทางด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือเพตากอน เปิดเผยหลังจากการแสดงความเห็นของปธน.ทรัมป์ว่า เพนตากอนยังไม่ได้รับคำสั่งใดๆให้ดำเนินการเกี่ยวกับเวเนซุเอลา
รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศคว่ำบาตรเวเนซุเอลารอบใหม่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ประกาศคว่ำบาตรนายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายที่จะแสดงจุดยืนคัดค้านการจัดตั้งสมัชชาร่างรัฐธรรมนูญ (ANC) ของเวเนซุเอลา ซึ่งสหรัฐมองว่าตั้งขึ้นเพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเสริมอำนาจของนายมาดูโร
การประกาศคว่ำบาตรรอบใหม่มีเป้าหมายที่บุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลเวเนซุเอลาจำนวน 8 ราย ซึ่งรวมถึงน้องชายของนายฮิวโก ชาเวซ อดีตผู้นำของเวเนซุเอลา โดยมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้มีการอายัดทรัพย์สินในสหรัฐของผู้ถูกคว่ำบาตร รวมทั้งห้ามการเดินทางไปยังสหรัฐ และห้ามชาวสหรัฐทำธุรกิจกับบุคคลเหล่านี้