เกาหลีเหนือออกมากล่าวประณามสหรัฐหลังจากที่นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐได้เรียกร้องให้หลายประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกา ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตและระงับการค้ากับเกาหลีเหนือ โดยเกาหลีเหนือระบุว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศและฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ
รองประธานาธิบดีเพนซ์ ซึ่งเสร็จสิ้นภารกิจการเยือนกลุ่มประเทศในอเมริกาใต้ก่อนกำหนดหนึ่งวัน ได้เรียกร้องให้ชิลี บราซิล เม็กซิโก และเปรู ยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับเกาหลีเหนือ หลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ในการผ่านมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือระลอกใหม่ โดยมุ่งตัดรายได้จากการส่งออกของเกาหลีเหนือลง 1 ใน 3 เพื่อลงโทษเกาหลีเหนือจากกรณีที่ยังคงเดินหน้าทดสอบขีปนาวุธและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงานโดยอ้างคำพูดของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือว่า "พฤติการณ์เชิงบีบบังคับของสหรัฐได้แสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวและความจองหอง นับเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวโดยที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติอื่นๆ"
ทั้งนี้ รองประธานาธิบดีเพนซ์ได้เสร็จสิ้นการเดินทางเยือนโคลอมเบีย อาร์เจนตินา ชิลี และปานามา ก่อนเดินทางกลับสหรัฐเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมประชุมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่แคมป์เดวิด รัฐแมรีแลนด์ โดยหัวข้อการหารือในที่ประชุมด้านความมั่นคงครั้งนี้ครอบคลุมในด้านยุทธศาสตร์ของสหรัฐในเอเชียใต้และนโยบายต่อเกาหลีเหนือ