นอกจากนี้ เอกสารฉบับนี้ยังระบุถึงการระงับสวัสดิการซึ่งครอบคลุมถึงค่าใช้ทางการแพทย์ที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์กันว่า นายแมตทิสจะพิจารณาถึงความสามารถในปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลเหล่านั้น ซึ่งรวมถึงความสามารถในการปฏิบัติการในสงคราม, การเข้าร่วมฝึกซ้อม และการใช้ชีวิตเป็นเวลานานหลายๆเดือนบนเรือรบ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า เขาจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่เป็นคนข้ามเพศ (transgender) เข้ารับราชการในกองทัพ ไม่ว่าในตำแหน่งใดๆ
"หลังจากที่ผมได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญในกองทัพ และนายทหารระดับสูงแล้ว รัฐบาลสหรัฐก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่รับ หรืออนุญาตให้บุคคลที่เป็นคนข้ามเพศ เข้ารับราชการในกองทัพ ไม่ว่าในตำแหน่งใดๆ" ปธน.ทรัมป์กล่าวในทวิตเตอร์
"กองทัพของเราจะต้องให้ความสนใจต่อการได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นและเด็ดขาด โดยไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทางการแพทย์จำนวนมหาศาล และภาวะวุ่นวายที่คนข้ามเพศจะนำมา" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
การทวีตข้อความดังกล่าวของปธน.ทำให้นายจิม แมตทิส รมว.กลาโหม ต้องออกมาประกาศเลื่อนการอนุญาตให้คนข้ามเพศเป็นทหารออกไปอีก 6 เดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลของปธน.บารัค โอบามาได้ยุติคำสั่งห้ามคนข้ามเพศเข้ารับราชการในกองทัพในปีที่แล้ว โดยกระทรวงกลาโหมมีกำหนดจะให้กลุ่มคนดังกล่าวสามารถเข้าเป็นทหารในปีนี้