นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และเป็นแกนนำพรรครีพับลิกัน กล่าวตำหนิประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ได้ขู่ว่า เขาจะยอมปล่อยให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดการดำเนินงาน หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก
คำขู่ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน และสร้างความไม่มั่นใจต่อความพยายามของสภาคองเกรสในการปรับเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ รวมทั้งการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล
"ผมไม่คิดว่าจะมีใครอยากเห็นหน่วยงานของรัฐบาลต้องถูกปิดตัวลง" นายไรอันกล่าว
เขากล่าวเสริมว่า การสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกเพื่อป้องกันผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายเข้าสู่สหรัฐถือว่ามีความจำเป็น แต่รัฐบาลไม่ควรต้องเลือกระหว่างความมั่นคงตามแนวชายแดน และการปิดหน่วยงานรัฐบาล
ทั้งนี้ ในการกล่าวปราศรัยที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ปธน.ทรัมป์กล่าวเรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นระหว่างชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก แม้จะต้องแลกมาด้วยการที่รัฐบาลต้องปิดการดำเนินงานก็ตาม
"ถ้าเราต้องปิดการดำเนินงานของรัฐบาล เราก็จะยังคงสร้างกำแพง" เขากล่าว
ขณะนี้ ปธน.ทรัมป์กำลังมีความขัดแย้งกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการอนุมัติงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยถ้าหากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวสำหรับการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงงบในการสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก ซึ่งปธน.ทรัมป์จะต้องลงนามเป็นกฎหมายภายในเส้นตายวันที่ 30 ก.ย. หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐหลายแห่งก็ต้องปิดตัวลง เนื่องจากรัฐบาลขาดงบประมาณในการบริหารประเทศ ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตแสดงจุดยืนอย่างเปิดเผยว่า พวกเขาจะขัดขวางการอนุมัติงบประมาณดังกล่าว หากมีการรวมถึงงบในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
หากสภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณสำหรับการบริหารงานของรัฐบาล แต่มีการตัดงบในส่วนของการสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก ปธน.ทรัมป์ก็จะทำการวีโต้ หรือเลือกที่จะไม่ลงนามในงบประมาณดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดการดำเนินงาน เนื่องจากขาดงบประมาณ