ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า ความวุ่นวายในสภาคองเกรสเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าหากแกนนำในสภาทำตามคำแนะนำของเขาในการพ่วงร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐเข้ากับร่างกฎหมายทหารผ่านศึก
"ผมเคยเรียกร้องให้คุณมิทช์ แมคคอนเนล (แกนนำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา) และคุณพอล ไรอัน (ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ) พ่วงร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ เข้ากับร่างกฎหมายทหารผ่านศึก (ซึ่งได้ผ่านสภาแล้ว) เพื่อให้การอนุมัติเป็นไปอย่างง่ายดาย แต่พวกเขาก็ไม่ยอมทำตาม ส่งผลให้พรรคเดโมแครตเข้าขัดขวางการอนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ ทำให้เรื่องที่น่าจะง่ายกลายเป็นเรื่องยากในขณะนี้" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ปธน.ทรัมป์ขู่วานนี้ว่า เขาจะยอมปล่อยให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดการดำเนินงาน หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก
ทั้งนี้ ในการกล่าวปราศรัยที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ปธน.ทรัมป์กล่าวเรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นระหว่างชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก แม้จะต้องแลกมาด้วยการที่รัฐบาลต้องปิดการดำเนินงานก็ตาม
"ถ้าเราต้องปิดการดำเนินงานของรัฐบาล เราก็จะยังคงสร้างกำแพง" เขากล่าว
ขณะนี้ ปธน.ทรัมป์กำลังมีความขัดแย้งกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการอนุมัติงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยถ้าหากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวสำหรับการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงงบในการสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก ซึ่งปธน.ทรัมป์จะต้องลงนามเป็นกฎหมายภายในเส้นตายวันที่ 30 ก.ย. หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐหลายแห่งก็ต้องปิดตัวลง เนื่องจากรัฐบาลขาดงบประมาณในการบริหารประเทศ ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตแสดงจุดยืนอย่างเปิดเผยว่า พวกเขาจะขัดขวางการอนุมัติงบประมาณดังกล่าว หากมีการรวมถึงงบในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
หากสภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณสำหรับการบริหารงานของรัฐบาล แต่มีการตัดงบในส่วนของการสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก ปธน.ทรัมป์ก็จะทำการวีโต้ หรือเลือกที่จะไม่ลงนามในงบประมาณดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดการดำเนินงาน เนื่องจากขาดงบประมาณ
ทางด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่า หากสภาคองเกรสสหรัฐประสบความล้มเหลวในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐในเวลาที่เหมาะสม สิ่งนี้ก็จะทำให้ทางบริษัทปรับทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ โดยมีแนวโน้มปรับลดลงจากระดับ AAA ในขณะนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
ฟิทช์ระบุว่า หากสหรัฐไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ก็จะทำให้พันธกรณีในการชำระหนี้ของรัฐบาลไม่สอดคล้องกับอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA
ขณะนี้ สภาคองเกรสยังคงไม่มีการบรรลุข้อตกลงในการเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 19.9 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ว่านายสตีเวน มนูชิน รมว.คลัง เรียกร้องให้มีการบรรลุข้อตกลงก็ตาม
หากรัฐบาลสหรัฐไม่มีงบประมาณที่จะบริหารประเทศ ก็จะส่งผลให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล โดยสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนต.ค. ขณะที่สหรัฐเผชิญความเสี่ยงในการผิดนัดชำระดอกเบี้ย และเงินต้นของพันธบัตร และจะสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาดการเงินทั่วโลก