ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ กำลังเตรียมตัวเพื่อเดินทางไปยังเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน จนทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนักและต้องมีการอพยพผู้คน การเดินทางเยือนพื้นที่ดังกล่าวในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสในการก้าวขึ้นเหนือประเด็นความแตกแยกทางการเมืองท่ามกลางการแบ่งพรรคแบ่งพวกที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
พายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" ที่พัดถล่มเท็กซัสเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก รถยนต์ต้องจมอยู่ใต้น้ำ ถนนสายต่างๆกลายสภาพเป็นเหมือนแม่น้ำ นอกจากนี้ยังทำให้ผู้คนหลายพันคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ และอีกหลายๆคนต้องอาศัยอยู่โดยไม่มีน้ำและไฟฟ้าใช้
ทรัมป์มีแผนจะเดินทางไปเยือนพื้นที่ประสบภัยในวันอังคารที่จะถึงนี้ และนี่ก็อาจเป็นโอกาสในการลบภาพไม่ดีของเขา รวมถึงช่วยคลายความตึงเครียดในหมู่คณะทำงานที่กำลังขัดแย้งกันอยู่แต่จะต้องเดินทางไปด้วยกันในครั้งนี้
ดาร์เรลล์ เวสต์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสจากสถาบันบรูกกิงส์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า "นี่เป็นช่วงเวลาที่ทรัมป์จำเป็นต้องขึ้นมาอยู่เหนือเรื่องการแบ่งพรรคแบ่งพวกและการฉวยโอกาสโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
เวสต์กล่าวว่า "ชาวอเมริกันทุกคนอยากรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับความทุกข์ทรมานของเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ในเท็กซัส และต้องการช่วยเหลือผู้คนที่ต้องสูญเสียบ้านเรือนและทรัพย์สมบัติไปในครั้งนี้"
"หลังจากหลายสัปดาห์แห่งการเล่นกับสัญชาตญานที่เลวร้ายของประเทศ ทรัมป์ได้มีโอกาสในการทำหน้าที่ประธานาธิบดีและพูดแทนชาวอเมริกันทุกคน เขาต้องแสดงความเอาใจใส่และเห็นอกเห็นใจ รวมถึงให้สัญญาว่าจะเพิ่มงบประมาณอีกหลายพันล้านดอลลาร์สำหรับใช้ในการซ่อมแซมฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย" เขากล่าวพร้อมเสริมว่า "มันอาจจะแพงมาก แต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำ ทรัมป์ควรยกเลิกแผนการปรับลดงบประมาณของสำนักงานบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ (FEMA) และยอมส่งเงินภาษีไปให้ชาวเท็กซัสในช่วงเวลาที่จำเป็นเช่นนี้"
ขณะที่ แดน มาฮาฟฟรี รองประธานอาวุโสและผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายจากศูนย์ Center for the Study of Congress and the Presidency ก็ได้กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า เหตุการณ์อย่างภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติอื่นๆ นับเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับประธานาธิบดีในการแสดงความเป็นผู้นำ ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ และแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยินดีทำทุกอย่างที่จำเป็นในการช่วยเหลือ กู้คืน และบูรณะ
มาฮาฟฟรี กล่าวว่า "เป็นสิ่งสำคัญที่ประธานาธิบดีจะต้องแสดงออกในทางที่ถูกต้องและดึงผู้คนเข้ามาไว้ด้วยกัน มากกว่าการปรากฎตัวเพื่อเรียกความสนใจและทรัพยากรที่ได้จากจากการตอบสนองของการเดินทางในครั้งนี้"
เขากล่าวว่า ความรุนแรงของเหตุการณ์ครั้งนี้ยังคงต้องรอดูกันต่อไป และสถานการณ์ก็อาจจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์
มาฮาฟฟรีเสริมว่า "เรื่องราวนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งที่ ปธน.ทรัมป์ได้ทำในการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือเขาต้องให้ความสำคัญกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น และยับยั้งการพูดถึงเรื่องการเมืองหรือการกระทำที่จะก่อให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวกไว้ก่อน"
บทวิเคราะห์โดย แมททิว รัสลิง สำนักข่าวซินหัว