การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 หรือครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ถือเป็นเกมการดำเนินนโยบายที่เสี่ยงต่อสงคราม ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากนานาประเทศให้ยุติโครงการนิวเคลียร์บนคาบสมุทร
แม้ว่า จะมีเสียงคัดค้านจากทั่วโลก แต่เกาหลีเหนือก็ยังคงยึดมั่นในนโยบายพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธของประเทศ ส่งผลให้เกาหลีเหนือตกอยู่ในภาวะที่เลวร้านในสายตาประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งยังเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างกองทัพเกาหลีเหนือและสหรัฐ
การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งล่าสุดนี้ถือเป็นการฝ่าฝืนมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและหลักกฎหมายสากล อีกทั้งยังบ่อนทำลายการรณรงค์ให้คาบสมุทรปลอดนิวเคลียร์ ตลอดจนคุกคามสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค
ประเด็นเรื่องนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีนั้น อย่างที่จีนได้เคยเน้นย้ำแล้วว่าถือเป็นประเด็นความมั่นคงที่มีความสำคัญ ขณะที่ปฏิบัติการทางทหารและท่าทีที่ก้าวร้าวของสหรัฐต่อเกาหลีเหนือนั้น ก็เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกในแง่ความมั่นคงของเกาหลีเหนือ
แม้กระทั่งเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐ ก็ยังไม่อยากจะใช้วิธีการทางทหาร ทำเนียบประธานาธิบดีมูน แจ อิน ของเกาหลีใต้ ระบุเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เกาหลีเป็นประเทศที่เคยเผชิญกับสงครามแห่งการฆ่าพวกพ้องพี่น้องกันเองมาแล้ว ดังนั้น การทำลายอันเนื่องมาจากสงครามจึงไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้อีก
หากสถานการณ์อยู่นอกเหนือการควบคุมเมื่อใด จีนและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเกาหลีเหนือ ก็จะตกเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ไม่ใช่สหรัฐอเมริกาที่อยู่ห่างออกไปหลายแสนไมล์แต่อย่างใด
สิ่งที่สำคัญที่สุด เกาหลีเหนือควรจะตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญกับข้อเท็จจริงที่ว่า กลยุทธ์ในนโยบายที่เสี่ยงต่อการทำสงครามนั้น ไม่เคยนำมาซึ่งความมั่นคงให้กับประเทศตามที่เกาหลีเหนือยึดมั่นแม้สักนิด ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเกาหลีเหนือที่จะหวนคิดถึงเรื่องเหตุผลและหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆที่จะจุดชนวนให้เกิดความตึงเครียดมากไปกว่านี้
ด้านจีนเองก็ได้ใช้ความพยายามเพื่อที่จะยุติวงจรแห่งความตึงเครียดไม่ให้รุนแรงมากไปกว่านี้ ด้วยการหาหนทางที่สันติให้กับประเด็นเรื่องนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
จีนเคยเสนอให้ใช้แนวทางการระงับและอดกลั้น พร้อมกับเรียกร้องให้เกาหลีเหนือระงับโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการระงับปฏิบัติการซ้อมรบของกองทัพเกาหลีใต้เละสหรัฐ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อสร้างกลไกในการสร้างสันติภาพควบคู้กันไปด้วย
การดำเนินการดังกล่าว จะสามารถขจัดความกังวลเรื่องความมั่นคงที่เกี่ยวพันกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้อย่างสมดุล และยังช่วยนำไปสู่การฟื้นการเจรจาและการเจรจาตี่อรองด้วยเช่นกัน ซึ่งการดำเนินการในรูปแบบนี้น่าจะเป็นที่พอใจกับประเทศต่างๆทั่วโลก
การวิเคราะห์และตัดสินใจที่ผิดพลาดเป็นสิ่งที่ควรจะหลีกเลี่ยง และยุทธศาสตร์การตอบโต้กันไปมา ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเช่นกัน
สำนักข่าวซินหัวรายงาน